==คนยุคนี้ "ไม่ต้องมีบ้านก็ได้" จริงหรือ ?==
Cr. นิ้วโป้ง Fundamental VI
ช่วงนี้ผมเจอ คนรุ่นน้องใกล้ๆกัน ยัน เด็กรุ่นใหม่
มีความเชื่อ และบอกต่อๆกัน ว่า ...
คนสมัยนี้ "ไม่ต้องมีบ้านก็ได้"
-> บ้านเป็นหนี้สิน
-> บ้านเป็นภาระ
-> บ้านทำให้ชีวิตไม่คล่องตัว
เช่าเขาอยู่ก็ได้ .... บ้านเช่า คอนโดเช่า มีมากแท้เหลา
มีเงินเหลือ มันต้องเอาไปซื้อ "ประสบการณ์"
เที่ยวโอซาก้า ... กินขาปูอลาสก้า...ช้อปปิ้งลาซาด้า
ไปซื้อบ้าน ต้องผ่อน 20 กว่าปี มันจะดีได้อย่างไร???
.
.
เอาจริงๆนะ อันนี้แล้วแต่ความเชื่อ
คนแต่ละรุ่น เชื่อไม่เหมือนกัน
ผมเอง เกิดในยุคที่ยังมีความเชื่อดั้งเดิม ว่าลูกผู้ชาย ต้องมีบ้าน มีเรือนหอ ถึงจะขอสาวแต่งงานได้
เขาถึงเรียกว่า แต่งงาน มีเหย้า มีเรือน (ฝ่ายหญิงเรียก ออกเรือน)
คนรุ่นผม ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ก้อนแรก จึงมักเป็นการ "ดาวน์บ้าน" แล้วก็ผ่อนบ้านอย่างมีวินัย
ใครหาเงินได้มากโบนัสเยอะ ค้าขายมีกำไร
ก็รีบมา "โปะบ้าน"
.
.
ผมคิดว่า ตอนที่เราอายุ 20 30 40 กว่า
เรื่องหวือหวาอย่าง "ท่องเที่ยว & ช้อปปิ้ง & กินหรู" อาจจะเป็นเรื่องสำคัญ
แต่เมื่ออายุเรามากขึ้นๆ เรามีแนวโน้มที่จะเห็นความสำคัญกับเรื่องหวือหวาลดลง
แล้วคิดถึงอะไรที่เป็นพื้นฐาน อย่างเช่น "สุขภาพ ความรัก ความสัมพันธ์ในบ้าน " มากขึ้น
ซึ่งผมคิดว่า 'บ้าน" เป็นศูนย์กลาง ความรัก ความสัมพันธ์ และความทรงจำ หลายอย่างเลยนะ
.
.
ผมมีเพื่อนรุ่นพี่ เป็นข้าราชการ อยู่บ้านหลวงมาตลอดชีวิต
งานเลี้ยงเกษียณ มีรุ่นน้องถามแกว่า
ถ้าย้อนเวลาไปตอนเป็นเด็กจบใหม่ได้ พี่จะทำอะไร
พี่เขาตอบว่า "กรูจะซื้อบ้าน"
แกเล่าต่อว่า เงินเกษียณของแกเกือบทั้งหมด คือพอซื้อทาวน์เฮาส์หลังนึง อยู่แถวชานเมือง
.
.
ผมขอปิดท้ายด้วยข้อคิดที่ได้อ่านจากจอในลิฟท์อาคารย่านสีลม
เขาบอกว่า คนเกษียณ ต้องมี 3 ดี
1. สุขภาพดี
2. เงินเก็บดี
3. บ้านดี
เพราะต้องอาศัย 3 สิ่งนี้ ไปอีกหลายสิบปี
อย่างแนบแน่น