ห้องเม่าปีกเหล็ก

มารู้จักเครื่องมือ P/E ratio ใน Fundamental analysis วิเคราะห์ความถูกแพงของหุ้นกันครับ

โดย Pnatv
เผยแพร่ :
82 views

P/E ratio ตัวชี้วัดความถูกแพงของหุ้น

Name:  77725983905a9e6b89231ce43eb3f01c.jpg
Views: 1
Size:  27.7 กิโลไบต์

หากใครเคยเรียนการเงินมาก่อน ก็จะคุ้นเคยกับค่า P/E ratio หรือ price to earning ratio แปลเป็นไทยว่า "อัตราส่วนระหว่างราคาหุ้นปัจจุบันเทียบกับกำไรต่อหุ้น (EPS) ในสี่ไตรมาสล่าสุด" ซึ่งเป็นเครื่องมือในการวัดค่าความถูกแพงของหุ้นที่ผู็เล่นหุ้นมือใหม่ควรจะรู้ แต่ใครที่เคยเรียนอยู่คณะบัญชีหรือการเงิน อาจจะคุ้นเคยกับค่านี้ดี  หุ้นที่มี P/E ratio สูงหมายถึงว่าเรายอมจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อหุ้นตัวนี้เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นอีกตัวนึงที่มี P/E ต่ำกว่า ดังนั้นหลายคนมักจะบอกว่า หุ้นที่มี P/E ratio สูงๆ คือหุ้นที่แพง และหุ้นที่มี P/E ratio ต่ำๆ คือหุ้นที่ถูก ดังนั้น การซื้อหุ้นที่มีราคาถูก น่าจะมีโอกาสกำไรมากกว่าซื้อหุ้นที่แพง

การคำนวณของมันคือ P (price) = ราคาของหุ้น ส่วน E (earning)= กำไรต่อหุ้น คือ 

สมมตินะครับสมมติ หากหุ้น A ราคา 10 บาท และมีกำไรต่อหุ้น 2 บาท หุ้น A จะมี P/E ratio 5 เท่า ดังนั้นหากสมมุติว่าหุ้น A ไม่มีหนี้เลยจึงสามารถนำกำไรทั้งหมดมาจ่ายปันผลได้ทั้ง 2 บาท นั่นคือ หุ้น A จะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลต่อปีคือ 2/10 = 20% และสมมุติว่าหุ้น A จะสามารถรักษาการทำกำไรได้ปีละ 2 บาทไปเรื่อยๆ จะได้ว่าหากเราลงทุนในหุ้น A จะต้องใช้เวลา 10/2 หรือ 5 ปีจึงจะได้ทุนที่ลงไปทั้งหมด 10 บาทคืนมา ดังนั้น P/E จะเปรียบเสมือนระยะเวลาในการคืนทุนของการลงทุนในหุ้นตัวหนึ่งๆ นั่นเอง 

เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้น B ราคา 10 บาทเท่ากัน และมีกำไรต่อหุ้น 4 บาท หุ้น B จะมี P/E ratio 2.5 เท่า ถ้าสมมุติในแบบเดียวกันกับหุ้น A จะได้ว่า หุ้น B จะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 4/10 = 40% และจะใช้เวลาคืนทุน 2.5 ปี นั่นเอง

ดังนั้น ถ้าหุ้น A กับหุ้น B อยู่ใต้ข้อสมมุติฐานเดียวกันทั้งหมด เราควรจะลงทุนในหุ้นที่มี P/E ต่ำกว่าคือหุ้น B เพราะใช้เวลาในการคืนทุนเร็วกว่าและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลต่อปีมากกว่า

ดังนั้น อาจจะดูเหมือนว่าการใช้ P/E ratio จะง่ายนิดเดียว ก็คือ ซื้อหุ้นที่ P/E ต่ำๆ และขายหุ้นที่ P/E สูงๆ ออกไป แต่ในทางความเป็นจริงแล้ว อาจจะไม่ทุกครั้งไปที่ทำอย่างนี้แล้วจะได้ผล บางครั้ง การซื้อหุ้นที่มี P/E ratio สูงกลับมีผลกำไรดีกว่าการซื้อหุ้นที่มี P/E ratio ต่ำ เนื่องจากหุ้นแต่ละตัวมีลักษณะไม่เหมือนกัน และไม่ได้เป็นไปตามข้อสุมมติฐานที่สมมุติดังกล่าว


ค่า P/E (ค่า พีอี) แบบละเอียด

โดยหลักๆจะมี ค่า P/E อยู่ 2 ประเภท คือ 

  1. Trailing P/E กำไรต่อหุ้นใน อดีต หรือ 4 ไตรมาสย้อนหลัง ที่กล่าวไปข้างต้น
  2. Forward P/E กำไรต่อหุ้นที่ คาดการ์ณในอนาคต จะใช้กำไรต่อหุ้น 4 ไตรมาสข้างหน้า

การคำนวน ค่า P/E

ค่า P/E = ราคาหุ้น (price) / กำไรต่อหุ้น (EPS) 4 ไตรมาส (ย้อนหลัง หรือ คาดการ์ณ)

ตัวอย่างการคำนวนจริง

Trailing P/E: กรณีตัวอย่าง หุ้น XYZ (สมมติ)

ในไตรมาส 1 ปี 59 (1Q16) XYZ มี กำไรต่อหุ้น (EPS) ย้อนหยังไป 4 ไตรมาสดังนี้ 

  • 2Q2015 = 3.31 บาท
  • 3Q2015 = 2.90 บาท
  • 4Q2015 = 3.63 บาท
  • 1Q2016 = 2.72 บาท

4 ไตรมาสรวมกัน XYZ มีกำไรต่อหุ้น 12.56 บาท (3.31 + 2.90 + 3.63 + 2.72 = 12.56) การคำนวนหาค่า Trailing P/E นั้นให้นำราคาปัจจุบัน เช่น ราคาปิด 154.00 บาท มาหาค่า P/E ดังนี้...

Trailing P/E = 154.00 บาท / 12.56 บาท = 12.26 เราจะได้ค่า P/E ของ XYZ ที่ 12.26 เท่า หรือในความหมายคือ ด้วยราคา 154.00 ต่อหุ้นนั้น นังลงทุนยอมซื้อขายหุ้นที่ 12.26 เท่าของกำไรสุทธิต่อหุ้นในปีที่ผ่านมา

Forward P/E: กรณีตัวอย่าง หุ้น XYZ เช่นเคย

บางครั้งนักวิเคราะห์จะพูดถึง Forward P/E โดยนำมาจากการคาดการ์ณผลประกอบการ์ณของหุ้นในอีก 4 ไตรมาส หรือมากกว่า 

ลองตั้งสมมุติฐานดูว่า กำไรต่อหุ้นของ XYZ จะโต 10% ในช่วง 4 ไตรมาสหลังจากนี้ เพื่อหา Forward P/E กันดู

  • 2Q2015 = 3.31 บาท + 10% = 3.64 บาท
  • 3Q2015 = 2.90 บาท + 10% = 3.19 บาท
  • 4Q2015 = 3.63 บาท + 10% = 3.99 บาท
  • 1Q2016 = 2.72 บาท + 10% = 2.99 บาท

เท่ากับกำไรต่อหุ้น ของ XYZ ที่คาดการ์ณ 4 ไตรมาสข้างหน้ารวม 13.81 บาท การคำนวนก็เหมือน Trailing P/E คือ นำราคาหุ้นปัจจุบันมาหาค่า Forward P/E ดังนี้…

Forward P/E = 154.00 / 13.81 = 11.15 จะได้ค่า Forward P/E ที่ 11.15 เท่า นั้นหมายความว่า หากเราซื้อหุ้นในวันนี้ แล้วกำไรของบริษัทเติบโตไปตามที่คาด เราจะได้หุ้นในราคาที่ 11.15 เท่าของกำไรในอนาคต 

Forward P/E กับ Trailing P/E เกี่ยวข้องกันอย่างไร 

ตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เห็นภาพคือ หากโดยปกติ ย้อนดูในอดีตแล้ว XYZ มีค่า P/E อยู่ที่ ราว 12 เท่า การได้ซื้อหุ้นในราคาที่ P/E 11 เท่าย่อมแปลว่าเราได้ซื้อในราคาถูกหากยอมถือหุ้นตัวนี้ไปจนผลประกอบการ์ณโตตามคาด เพราะอะไรจึงถูก? ก็เพราะ เมื่อเวลาผ่านไป 4 ไตรมาส XYZ มีกำไรต่อหุ้นที่ 13.81 หากตลาดยังคงยอมให้ค่า P/E ที่ 12 เท่า ราคาหุ้นของ XYZ ควรจะซื้อขายที่ราคา 165.72 บาทต่อหุ้น เพราะ กำไรต่อหุ้น * P/E = ราคาเหมาะสม เราได้ซื้อที่ 154.00 และถือรอ 4 ไตรมาส

***สำคัญคือตลาดยอมให้ ค่า P/E ของหุ้นตัวนี้ที่ 12 เท่าเหมือนเดิมมั้ยในอีกหนึ่งปีข้างหน้า อาจจะให้มากกว่า หรือน้อยกว่า อยู่ที่หลายปัจจัย ที่จะยกตัวอย่างในเจาะลึกด้านล่าง***

นี้เป็นเพียงตัวอย่างสั้นๆ ง่ายๆเพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญและความหมายของ Trailing และ Forward P/E การนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ

ค่า P/E สำหรับการวิเคราะห์

ใช้ ค่า P/E ในอดีตของบริษัท

นักลงทุนอาจใช้ค่า P/E ในอดีตเพื่อวิเคราะห์ ว่าค่า P/E ที่ควรจะเป็นของบริษัทคือเท่าไหร่ ในกรณีที่ปัจจัยอื่นๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่นหาก ค่า P/E ในปัจจุบันต่ำกว่า ค่า P/E เฉลี่ยในอดีตมากๆอาจจะมองได้ว่า หุ้นตัวนั้นถูกเพราะจะต้องกลับไปซื้อขายในค่าเฉลี่ยอดีตในที่สุด ในทางกลับกัน หากสูงกว่าในอดีตมากๆ ก็อาจจะแปลว่าแพง เพราะจะต้องย้อนกลับลงมาหาค่าเฉลี่ยในอดีต 

ตัวอย่างเช่น

ค่า P/E ของ XYZ ใน 5 ปีย้อนหลัง ณ สิ้นปีเป็นดังนี้

  • 2011 = 16.13
  • 2012 = 21.83
  • 2013 = 20.84
  • 2014 = 18.58
  • 2015 = 18.80

ดังนั้น P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของ XYZ จึงเท่ากับการนำค่าพีอีทั้ง 5 ปีมารวมกันแล้วหารจำนวนปีคือ 5 (16.13+21.83+20.84+18.58+18.80) = 96.18 หาร 5 เท่ากับ 19.236 ถ้าจะคิดเหลือสองตำแหน่งก็ปัดขึ้นเป็น 19.24 นั่นเองครับ

เมื่อมอง ค่า P/E ในอดีตของ XYZ ที่ 12.26 เท่า  จึงมองได้ว่าราคากำลังซื้อขายที่ระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับอดีต แต่เหต์ผลที่ราคาหุ้นซื้อขายในมูลค่าต่ำแบบนี้มักจะมีเหต์ผลเสมอ เช่น 

  1. ความกังวลถึงผลประกอบการ์ณที่หดตัวลง 
  2. ความสามารถในการจ่ายปันผลที่ลดลงจากการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต หรือ 
  3. ความเสี่ยงด้านธุรกิจ เช่นคู่แข่ง และ อื่นๆ ที่นักลงทุนต้องเข้าไปศึกษาทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน

ใช้ ค่า P/E เปรียบเทียบระหว่างบริษํท

นอกจากการมองอดีตว่า ค่า P/E เฉลี่ยที่เท่าไหร่แล้ว อีกวิธีในการมองหามูลค่าของบริษัทคือการเปรียบเทียบ ค่า P/E ของบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียง มีขนาดที่ใกล้เคียงกัน นี้คือสิ่งสำคัญ การนำบริษัทที่ไม่ได้ทำธุรกิจเดียวกันหรือมีขนาดที่แตกต่าง ส่งผลถึงความสามารถในการเติบโตที่แตกต่างกันนั้น จะทำให้การวิเคราะห์ได้ผลลัพย์ที่บิดเบือนได้

เช่น ถ้าเราจะดูหุ้นของเครือข่ายโทรศัพท์ก็ให้ดูบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์ด้วยกัน ถ้าเราเปรียบเทียบผู้ให้บริการโทรศัพท์กับบริษัทผลิตไวน์ก็กะไรอยู่นะครับ แหม่

สุดท้าย...การเปรียบเทียบระหว่างบริษัท สามารถประยุคมาเป็นการเปรียบเทียบหุ้นที่เราวิเคราะห์กับ ค่า P/E เฉลี่ยของอุตสาหกรรมได้เช่นกัน

ข้อควรระวังของ ค่า P/E

  1. ความเสี่ยงของกิจการไม่ว่าจะเป็น ทางธุรกิจ ทางการเงิน และ อื่นๆ อาจจะทำให้ค่า P/E ดูบิดเบือนได้ 

  2. แต่ละอุตสาหกรรมมี ค่า P/E เฉลี่ยที่แตกต่างกัน ไม่อาจนำมาเปรียบเทียบกันได้ บริษัทขนาดเล็กใหญ่ก็เช่นกัน ดังนั้น การใช้ ค่า P/E จึงต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควรเพราะ ค่า P/E ที่เหมาะสมเป็นค่าที่ต้องใช้การวิคราะห์ของนักลงทุนเอง ไม่มีสูตรสำเร็จ 

มีข้อดีก็มีข้อเสีย P/E ratio ไม่ใช่คำตอบทุกอย่างในการซื้อหุ้น และเราไม่สามารถใช้เครื่องมือนี้เพียงอย่างเดียวในการวิเคราะห์หุ้นนะครับ ควรพิจารณาปัจจัยอย่างอื่นประกอบด้วยนะครับ

ขอขอบคุณ คุณ aotto แห่ง stock2morrow และ คุณ ittikorns จาก www.setmonitor.com สำหรับข้อมูลนะครับ

ถ้าคุณเป็นมือใหม่ในการเล่นหุ้น แล้วอยากเรียนรู้หุ้น ต้องมาเรียนหลักสูตร มือใหม่เข้าใจหุ้น by ภาววิทย์ สมัครได้แล้ววันนี้ที่ https://www.stock2morrow.com/course/seminar_courses_list.php?id=1

 

 

ติดตามบทความและคอร์สสัมมนาเรื่องการลงทุนได้ที่ : 
facebook : สัมมนา stock2morrow
โทร. 090 980 2196
Line@ : @stock2morrow


Pnatv