ห้องเม่าปีกเหล็ก

“งานศิลปะ” การลงทุนทางเลือก ผลตอบแทนสูง กว่าที่คิด

โดย ร้อยแปดพันก้าว
เผยแพร่ :
248 views

“งานศิลปะ” การลงทุนทางเลือก ผลตอบแทนสูง กว่าที่คิด - BillionMoney

 

 

งานศิลปะ นอกจากจะเป็นงานสร้างสรรค์ และเป็นของสะสมแล้ว ก็ยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทน ไม่น้อยเลยทีเดียว

โดยผลสำรวจของ Masterworks แพลตฟอร์มลงทุนงานศิลปะออนไลน์ พบว่า ระหว่างปี 1995-2021 การลงทุนในงานศิลปะร่วมสมัย ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 13.8% ต่อปี

ในขณะที่ถ้าเราลงทุนใน

- ดัชนี S&P 500 จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10.2% ต่อปี

- อสังหาริมทรัพย์ จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8.9% ต่อปี

- ทองคำ จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.2% ต่อปี

นอกจากนี้ Knight Frank Luxury Investment Index ยังพบอีกว่า มูลค่าของงานศิลปะโดยเฉลี่ย ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 13% ระหว่างปี 2020-2021

ซึ่งการจะลงทุนในงานศิลปะ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่านั้น เราก็จำเป็นต้องรู้วิธีในการประเมินมูลค่าให้ถูกต้อง

แล้วมูลค่าของงานศิลปะนั้น ประเมินกันอย่างไร

BillionMoney จะมาย่อยให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ

อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติผู้ล่วงลับ เคยให้ความเห็นเอาไว้ว่า ศิลปะ คือ การทำงานที่เกิดมาจากความรัก ความมุ่งมั่น ความศรัทธา ประสบการณ์ และหลอมรวมออกมา เป็นพลังขับเคลื่อน ที่เป็นรูปลิ่มของมนุษย์ ในทางสุนทรียภาพ ซึ่งจะต้องประกอบไปด้วย 6 องค์ประกอบ

1. ต้องมีความเป็นอิสระ

2. ต้องมีการแสดงออกถึงรูปอารมณ์ ของความสะเทือนใจ

3. ต้องมีท่วงท่าของจิตวิญญาณที่เป็นอิสระ และร้อนเร่าด้วยเพลิงปรารถนา หรือความก่ำไหม้ของอารมณ์

4. ต้องมีปัจเจกลักษณะส่วนตัว ของบุคคลผู้ซึ่งสร้างงานศิลปะนั้น

5. ต้องมีความผสานกลมกลืน

6. ต้องเป็นสุดยอดของเทคนิค

นอกจากนี้ อาจารย์ถวัลย์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมไว้อีกว่า

องค์ประกอบทั้ง 6 อย่างนี้ ยังสามารถใช้พิจารณางานจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม วรรณกรรม และนาฏกรรม ได้ว่างานเหล่านั้น คืองานที่มีคุณค่าทางศิลปะที่แท้จริงหรือไม่

ในขณะที่การประเมินมูลค่าของงานศิลปะ เพื่อการลงทุนนั้น

เราก็สามารถตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไปนี้ ว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่

- ศิลปิน ที่สร้างสรรค์งานศิลปะนั้น มีชื่อเสียงหรือไม่ มีความโดดเด่นในศิลปะด้านใด มีแนวโน้มว่าจะทำงานศิลปะต่อไปหรือไม่ และที่ผ่านมา มีพัฒนาการเป็นอย่างไร

- วัสดุ ที่ใช้สร้างงานศิลปะนั้นคืออะไร

- ขนาดของงานศิลปะ โดยมีขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก

- กระแส หรือก็คือแนวของงานศิลปะชิ้นนั้น ได้รับความนิยมในช่วงเวลานั้นหรือไม่

- สภาพงานศิลปะ ยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่

- จำนวนของงานศิลปะ ซึ่งถ้ายิ่งมีน้อย ราคาก็จะยิ่งสูง

- เรื่องราว ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินสร้างงานศิลปะชิ้นนั้นขึ้นมา มีความน่าสนใจหรือไม่

- เนื้อหา ที่สอดแทรกเข้ามาโดยผู้สร้างงานศิลปะ มีความน่าสนใจหรือไม่

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะสังเกตเห็นว่า การลงทุนในงานศิลปะนั้น ก็อาจจะคล้ายกับการลงทุนในบริษัท

โดยตราบใดที่ศิลปิน ยังสร้างงานศิลปะ มีการพัฒนาฝีมือ

และนำงานศิลปะออกจัดแสดง ให้สาธารณชนได้เห็นอย่างต่อเนื่อง งานศิลปะของศิลปินท่านนั้น ก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น

ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น งานศิลปะของ Pablo Picasso โดยผลงานที่สร้างสรรค์ออกมาในแต่ละยุค ก็จะมีความแตกต่างกัน

เพราะตัวศิลปิน มีพัฒนาการอยู่ตลอด

และชื่อเสียงของ Picasso ก็โด่งดัง มีการจัดแสดงงานศิลปะอย่างต่อเนื่อง ทำให้มูลค่าของงานศิลปะก็ยิ่งสูงขึ้นตาม

ถ้าเรามีเงินลงทุนสูง เราก็อาจซื้องานศิลปะของศิลปินที่ประสบความสำเร็จ เก็บเอาไว้ได้

แต่ถ้าเรามองหาศิลปินที่ดูมีแววจะกลายเป็นศิลปินดังได้ในอนาคต และซื้องานศิลปะเก็บสะสมเอาไว้ ในตอนที่ราคายังถูกอยู่

วันหนึ่ง เมื่อศิลปินเหล่านั้นมีชื่อเสียงขึ้นมา ผลงานที่เราสะสมไว้ ก็จะมีมูลค่ามากขึ้นแบบก้าวกระโดดได้เหมือนกัน

แต่ก็แน่นอนว่า การลงทุนในงานศิลปะ ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการลงทุนรูปแบบอื่น ๆ เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราลงทุนไปแล้ว แต่ผลลัพธ์มันออกมาไม่ได้เหมือนกับที่เราคาดการณ์ไว้ เราก็จะ ขาดทุน ได้เช่นกัน..

 

 


ร้อยแปดพันก้าว