OMG พระเจ้าจอร์จมาช่วยแมงเม่าด่วนนนนนนน
เรื่องวุ่นๆ เขย่าขวัญนักลงทุนรายยุ่ย ช่วงนี้คงไม่มีอะไรแรง เท่ากับเรื่องราวของ คุณหมอนักขายฝันแห่ง “บริษัทหอไอเฟล” กับ “เสี่ย อ.อ่าง” ที่แหล่งข่าววงในอ้างว่า ชนวนเหตุมาจากการแตกไลน์ธุรกิจด้วยการเข้าไปซื้อกิจการ “โรงแรมดาราเทพี” ว่ากันว่า..ดีลนี้คุณหมอโดนต้ม
. นอกจากข่าวเรื่องคุณหมอโดนต้มแล้ว.. ยังมีการปล่อยข้อมูลออกมาเป็นระลอกผ่านโลกโซเชียลแบบเป็นระบบ เขย่าขวัญเป็นระยะ โยนบาป “เสี่ย อ.อ่าง” ว่าเป็นเหตุแห่งปัญหาที่ทำให้การทำธุรกิจของ “บริษัทหอไอเฟล” ต้องสะดุด เพราะไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ ได้ เนื่องไม่มีลายเซ็นของ “เสี่ย อ.อ่าง” ร่วมกับ “คุณหมอนักขายฝัน” หลังจาก “เสี่ย อ.อ่าง” ลาออกไป
. มหากาฬย์เรื่องนี้ไม่จบลงง่ายๆ เพราะมีการเดินเกมส์เป็นสเต็ปต่อมาหลังจากตั๋วบีอีของ “บริษัทหอไอเฟล” เกิดDefault เป็นเหตุให้ ตลท.ขึ้นเครื่องหมาย H และสั่ง SP ในเวลาต่อมา.. แต่ไม่นานก็เอาตัวรอดได้เพราะสามารถหาเงินมาใช้หนี้ล็อตดังกล่าวได้สำเร็จ..แต่ต่อมาไม่นาน ก้อเข้าอีหร็อบเดิมคราวนี้ครบดีลวันที่ 5 ม.ค.60 ยอดหนี้ที่ต้องชำระ 200 ล้านบาท ก้อออกมาบอกว่าจะขอเลื่อนจ่ายเป็นวันที่ 11 ม.ค.2560 โดยอ้างว่าคำนวณเวลาผิดพลาด โอ้แม่เจ้าอย่างนี้ก็มีด้วย
. เมื่อถึงวันที่ 11 ม.ค.นี้ ไม่รู้ว่า “บริษัทหอไอเฟล” จะเอาตัวรอดไปได้หรือไม่.. แต่ที่แน่ๆ ยังมีระเบิดเวลารออู่อีก 3 ลูก คือวันที่ 19 ม.ค. ครบกำหนดคืน 200 ล้านบาท วันที่ 26 ม.ค. ครบกำหนดคืนอีก 100 ล้านบาท และ วันที่ 8 ก.พ. จะครบกำหนดคืนอีก 100 ล้านบาท
. มีความพยายามชี้นำให้เห็นว่า เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับ “บริษัทหอไอเฟล” และมาถึงจุดตกต่ำได้ถึงเพียงนี้ ก็เป็นเพราะ “เสี่ย อ.อ่าง” ที่นั่งเป็นจรเข้ขวางคลองอยู่นั่นน่ะ ทำให้ “คุณหมอนักขายฝัน” ไม่สามารถจัดการแก้ไขปัญหาได้ แต่ถามจริงๆ เถอะ..เอาแค่เรื่องเบ-เบ พูดกันบนความเป็นจริง เมื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงนามลาออกไป บริษัทก็ต้องแต่งตั้งกรรมการคนใหม่ลงนามแทนทันทีมิใช่หรือ? เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ดังนั้นการที่มีความพยายามจะโยนความผิดมาที่ “เสี่ย อ.อ่าง” คืออะไร “ใช่การหาแพะมารับบาปหรือไม่” นี่หรือคือทางออกของนักบริหารมืออาชีพ คนอย่างนี้หรือที่ผู้ถือหุ้น “บริษัทหอไอเฟล” จะยอมยกมือโหวตให้ดูแลบริษัทต่อไป
. วันนี้ชักสงสัยขึ้นมาตะหงิดๆ ว่าแท้จริงแล้ว “คุณหมอ” กำลังสวมหน้ากากพระเอก ขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยกอบกู้กิจการอยู่ใช่มั๊ย แล้วถ้าเกิดถูกกระชากหน้ากากออกมา อยากรู้มากๆ ว่าจะมีหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร??? เรามาเริ่มจากการจับโกหกคำโตๆ ของ “คุณหมอหอไอเฟล” กันก่อนเลย
1.อ้างโดนหลอกให้ “บริษัทหอไอเฟล” เข้าไปลงทุนใน “โรงแรมดาราเทพี”
-ดีลใหญ่ขนาดนี้ ขนาดมากกว่า 3,000 ล้านบาท เป็นไปได้หรือที่จะไม่มีการทำดีลดิลิเจนท์ เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ ที่สำคัญเป็นบริษัทมหาชน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซะด้วย คงไม่ใช่เรื่องที่งุบงิบทำกันได้ง่ายๆ หรอกกระมัง
2.คุณหมอไม่รู้เรื่องหนี้ของ “โรงแรมดาราเทพี”
-เป็นไปได้หรือที่คุณหมอจะไม่รู้รายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะภาระหนี้สินก่อนที่จะตัดสินใจจรดปากกาลงนามซื้อโรงแรมดาราเทพี เพราะมูลหนี้ไม่ใช่บาท-หรือ-สองบาท แต่มันเป็นยอดเกิน 1,000 ล้านบาท ประเด็นสำคัญอีกอย่างคือ ที่ผ่านมาการทำธุรกรรมใดๆของ “บริษัทหอไอเฟล” ต้องมีคุณหมอ เซ็นคู่กับ “เสี่ย อ.อ่าง” โดยตลอด ..เรื่องแบบนี้บอกว่าไม่รู้เรื่อง ใครจะเชื่อ? หรือมีอะไรมากกว่านี้ ที่คุณหมอไม่ได้พูดถึง
3.โยนบาปให้ “เสี่ย อ.อ่าง” อ้างการลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ ทำให้การทำธุรกิจสะดุด ไม่มีคนเซ็นร่วม
-เท่าที่ได้ยินมาคือในการเซ็นเอกสารต่างๆ ของ “บริษัทหอไอเฟล” จะต้องลงนามร่วมกันสองฝ่ายตลอด ระหว่างคุณหมอ-และ-เสี่ย อ.อ่าง เมื่อ “เสี่ย อ.อ่าง” ลาออกไป บริษัทก็แต่งตั้งกรรมการคนใหม่ลงนามแทน เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุด ฉะนั้นการที่ธุรกิจสะดุดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา..ถามว่ามันเกี่ยวกับคนที่ลาออกไปแล้วตรงไหน? ที่จริงน่าจะถามย้อนกลับไปว่าผู้บริหารที่ยังอยู่ทุกวันนี้..ทำงานอย่างไรถึงทำให้บริษัทเป็นแบบนี้ไปได้
4.บอกว่ามีการไซฟ่อนเงิน ออกจาก “บริษัทหอไอเฟล”
-ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง..ทำใมผู้สอบบัญชีจะไม่ระแคะระคาย หรือ จะไม่รู้เรื่องเชียวหรือ ถ้าสงสัยก็น่าจะมีการตั้งข้อสังเกตุมาให้เห็นแล้ว แต่นี่เงียบกริบ!! พอจะอนุมานได้หรือไม่ว่าทุกอย่างมันเป็นปกติจริงๆ ผู้สอบบัญชีจึงไม่พบเห็นความผิดปกติใดๆ และไม่ตั้งข้อสังเกตุใดๆ ด้วย
5.บอกว่าพร้อมคุยกับเจ้าหนี้และมีการเชิญมาคุยกันแล้ว
-เท่าที่ได้ยินจากฝั่งเจ้าหนี้ เขาบอกว่ามีการโทรศัพท์มาเชิญจริง..แต่คุณหมอน่าจะบอกต่อนะว่าพอเจ้าหนี้มาถึงใต้ออฟฟิศ ก้อได้รับแจ้งว่าให้กลับไปเลย ไม่คุยแล้ว อยากได้หนี้คืนให้ไปฟ้องร้องเอาเอง!! เป็นอันว่าไม่ได้คุยกัน เพราะไม่ได้พบหน้ากัน ที่สำคัญที่ตึกมีชายชุดดำคุมทางเข้า-ออก ถามจริงเจ้าหนี้ หรือคนทำธุรกิจร่วม ใครเค้าจะเข้าไปติดต่อ
6.ผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ พร้อมหนุนคุณหมอนั่งบริหารงานต่อไป
-ถามจริงเถอะ ได้คุยกับผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่จริงๆ รึป่าว? เป็นไปได้หรือที่คนที่เข้ามาถือหุ้นราวๆ 10% จะไม่ส่งตัวแทนมานั่งเป็นกรรมการ และยอมปล่อยให้คนที่ถือหุ้นแค่ 2.5% ได้นั่งบริหารงานต่อไป ปล่อยให้ปู้ยี่ปู้ยำ “บริษัทหอไอเฟล” ได้ตามอำเภอใจ นี่มันเงินนะ..ไม่ใช่ของเล่น
7.กลุ่มพันธมิตรใหม่จากจีน เข้ามาถือหุ้น “หอไอเฟล” พร้อมใส่เงินทันที
-ตอนนี้ใครๆ ต่างก็สงสัย ใคร่รู้ว่ากลุ่มทุนจีนที่มักจะถูกเอ่ยอ้างอยู่เสมอว่าเป็นพันธมิตร มีเงินพร้อมที่จะซื้อหุ้นและเข้ามาสนับสนุนนั้น..มีตัวตนหรือไม่ ไม่เคยเห็นปรากฎตัวซักครั้ง เห็นเงียบๆ แปลกๆ หาที่มาที่ไปไม่เจอ
8.ใครกันแน่ที่อยากให้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 มกราคม 2560
-ได้ข่าวมาว่า คนที่อยากให้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 ม.ค. 60 ไม่ใช่คุณหมอนะ แต่เป็นฝั่งของ “เสี่ย อ.อ่าง” ที่ต้องการให้มีการจัดขึ้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องของทิศทางธุรกิจ และประเด็นสำคัญคือไม่เห็นด้วยกับวาระการแต่งตั้งกรรมการ เพราะไม่ไว้วางใจพฤติกรรมคุณหมอ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนถึงความไม่ชอบมาพากล อาทิ มีการเรียกประชุมบอร์ดฉุกเฉินตอนตี 1 ซึ่งเป็นเรื่องผิดวิสัย ที่บริษัทจดทะเบียนที่มีธรรมาภิบาลจะกระทำกัน แล้วมีกรรมการเข้าร่วมประชุม 4 คนจาก 6 คนที่เหลืออยู่ (จากการเดิมที่มีอยู่ 9 คน) ดังนั้นมติต่างๆ จะต้องได้รับความเห็นชอบด้วยเสียงตั้งแต่ 5 เสียงขึ้นไปไม่ใช่ 4 เสียง ฉะนั้นมติที่ออกมาโดยกรรมการ 4 คน จึงถือว่าไม่ชอบธรรม
. วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน พอหอมปากหอมคอ ไว้มีเรื่องเด็ดๆ จะเอามาแฉ เอ๊ย!! เอามาเล่าสู่กันฟังคร้า...นักลงทุนรายยุ่ยทั้งหลาย ที่เป็นแฟนานุแฟน “บริษัทหอไอเฟล”