ห้องเม่าปีกเหล็ก

ASPS เจาะลึกเทรนด์ 12 โภคภัณฑ์ ครึ่งปีหลังสินค้าไหน เด่น - ดับ?

โดย ปั่นปลูกปลูกปั่น
เผยแพร่ :
58 views
ASPS เจาะลึกเทรนด์ 12 โภคภัณฑ์ ครึ่งปีหลังสินค้าไหน เด่น - ดับ?
 
 
 
 
ทิศทางตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ที่กำลังผันผวนจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย และราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกังวลต่อทิศทางราคา Commodity ประเภทต่างๆ ที่ประเมินทิศทางได้ยากขึ้น
.
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (ASPS) จึงได้รวบรวมราคา Commodity ประเภทต่างๆ ว่าแต่ละประเภทมีแนวโน้มอย่างไร และเกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียนไหนบ้าง โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ Hard Commodity และ Soft Commodity โดยมีรายละเอียด ดังนี้
.
Hard Commodity
* ราคาน้ำมันดิบโลก เริ่มแผ่วช่วงครึ่งปีหลัง
ยังคงเดินหน้าปิดปรับตัวงทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน สะท้อนความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอย รวมถึงการที่จีนมีแนวโน้มกลับมาล๊อคดาวน์เมืองสำคัญ จากสถานการณ์โควิดในประเทศจีนที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันอาจปรับตัวลดลง
.
อย่างไรก็ตามการปรับตัวลงของราคาน้ำมันถือว่าอยู่ในความคาดหมายของฝ่ายวิจัยที่กำหนดสมมติฐานให้ความร้อนแรงของราคาน้ำมันจะเริ่มผ่อนคลายลงในช่วงครึ่งปีหลัง 65 จากการปรับตัวของ demand และ supply ที่จะค่อยๆเข้ามาสู่ภาวะสมดุล ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยกำหนดสมมติฐานให้ราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบเฉลี่ยทั้งปี 65 อยู่ที่ 100 เหรียญฯต่อบาร์เรล (YTD เฉลี่ยอยู่ราว 101.3 เหรียญฯต่อบาร์เรล) และจะลดลงในปี 66 มาอยู่ราว 90 เหรียญฯต่อบาร์เรล
.
* ยางมะตอยแม้ไฮซีซั่น แต่ TASCO อาจไม่ได้ประโยชน์
ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและได้แรงสนับสนุนจากความต้องการใช้ยางมะตอยที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในประเทศจีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม ในช่วงไตรมาส 3
.
อย่างไรก็ตาม TASCO ( แนะนำ Switch ราคาเป้าหมาย 17.30 บ.) อาจไม่ได้ประโยชน์เต็มที่มากนัก เนื่องจากมีปัญหาขาดแคลนน้ำมันดิบที่ใช้ในการกลั่นยางมะตอยจากการที่เวเนซูเอลาถูกสหรัฐ Sanction และราคาน้ำมันดิบปัจจุบันสูงขึ้นจนไม่คุ้มค่าในการนำเข้ามาผลิตยางมะตอย ทำให้ TASCO เพิ่มสัดส่วนการซื้อยางมะตอยจากโรงกลั่นในภูมิภาคมาขายต่อ โดยมีกำไรจากส่วนต่างราคาซื้อและราคาขายเท่านั้น
.
* เหล็กขาลงจากจีนล็อกดาวน์ แต่ราคาในประเทศยังสูง
อยู่ในแนวโน้มขาลงจากความกังวลนโยบาย Zero-covid ของเมืองจีนซึ่งเป็นผู้ส่งออกเหล็กอันดับ 1 ของโลก ส่งผลให้การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมมีความคืบหน้าล่าช้า ประกอบกับ demand การใช้เหล็กในจีนอยู่ในระดับต่ำ เนื่องมาจากสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่อยู่ในสภาวะซบเซา
.
อย่างไรก็ตาม TMT(BUY FV@B 11.00) ซึ่งฝ่ายวิจัยประเมินว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในช่วง Q1/65 ไปแล้วน่าจะได้รับผลประโยชน์เนื่องจากราคาเหล็กในประเทศไทยจะปรับตัวลงตาม ส่งผลให้ metal spread ในช่วง Q2/65 กว้างขึ้น หนุนให้ gross margin ดีขึ้น
* ราคาทองแดงลงต่อ หนุนหุ้นอิเล็กฯ อย่าง KCE
ปรับตัวลดลง 28% จากจุดสูงสุดในปลายเดือนมีนาจนล่าสุดอยู่ที่ 7.5 พันดอลลาร์/ตัน จากข่าวความกังวลล็อคดาวน์ในประเทศจีนที่กดดัน Demand การใช้ทองแดงลดลง อย่างไรก็ตามถือเป็นผลบวกต่อ KCE ซึ่งใช้ทองแดงเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ PCB (ต้นทุนทองแดงคิดเป็น 10% ของต้นทุนทั้งหมด) ซึ่งก่อนหน้านี้ KCE มีปรับราคาขายขึ้นสามารถครอบคุลมราคาต้นทุนทองแดงที่ 1 หมื่นดอลลาร์/ตัน ปัจจุบันราคาทองแดงเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีลดลงมาที่ 9.6 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ถ้าหากยังลดลงต่อเนื่องจะหนุนประสิทธิภาพการทำกำไรให้ดีขึ้น
.
Soft Commodity
* น้ำตาลดิบโลกลดลง แต่ตลาดในประเทศฟื้นตัว
น้ำตาลดิบโลกล่าสุดอยู่ที่ 17.99 เซ็นต์/ปอนด์ ลดลง 8.1% นับตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย. 65 และลดลง 2.0% YTD จากแนวโน้มน้ำตาลโลกปี 65/66 จะเกินดุลราว 4 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1.4 ล้านตันในปีก่อน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มปริมาณขายน้ำตาลของผู้ประกอบการน้ำตาลไทยจะเพิ่มขึ้นในปี 65 จากปัญหาภัยแล้งคลี่คลาย หนุนธุรกิจน้ำตาลฟื้นตัวในปี 65 จึงยังแนะนำซื้อ KSL(FV @ 4.50)
.
* น้ำมันปาล์มดิบลงต่อ กดดัน 5 หุ้นเต็มๆ
น้ำมันปาล์มดิบโลก ล่าสุดอยู่ที่ 3.9 พันริงกิต/ตัน ลดลงถึง 48% นับตั้งแต่พ.ค. 65 และลดลงถึง 24% YTD หลังจากที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับเพิ่มขึ้นไปสูงมากก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ล่าสุดประเทศอินโดนีเซียเพิ่มโควตาการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบเป็น 7 เท่า ของน้ำมันปาล์มดิบที่ขายในประเทศอินโดนีเซีย เป็น 3.4 ล้านตัน (จากเดิม 5 เท่า หรือราว 2.4 ล้านตัน) เพื่อลดสต็อกน้ำมันปาล์มดิบในอินโดนีเซีย กดดันราคาน้ำมันปาล์มดิบโลกให้ปรับลดลง ถือเป็นปัจจัยลบต่อ UVAN UPOIC VPO LST และ CPI
.
* แป้งมันฯ จะลงช่วงครึ่งปีหลัง แต่ไม่กระทบ UBE
ราคาแป้งมันสำปะหลัง ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับจากช่วงต้นปี 15.9%YTD หนุนจากความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในประเทศจีนที่มีความขาดแคลนข้าวโพด จึงทำให้ให้ความต้องการแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นสินค้าทดแทน ทั้งนี้สถานการณ์ปัจจุบันราคาข้าวโพดยังอยู่ในสภาวะทรงตัวสูง และเริ่มมีแนวโน้มลดลงในช่วง Q3/65-Q4/65 จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่ช่วงฤดูการเก็บเกี่ยว
.
จึงคาดราคาแป้งมันสัมปะหลังจะเริ่มมีแนวโน้มลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม ในแง่ของ UBE ซึ่งเป็นผู้ส่งออกแป้งมันสำปะหลังไปยังประเทศจีนซึ่งเป็นคู่ค้าหลัก ราคาที่มีโน้มปรับลดลงไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยฯ ต่อกำไรของบริษัท เนื่องจากราคาขายมีลักษณะ cost push margin โดยราคาขายที่มีแนวโน้มลดลงเป็นผลมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่มีแนวโน้มลดลงด้วย จึงทำให้กำไร/หน่วยยังคงใกล้เคียงในระดับเดิม
.
* ถั่วเหลือง เทรนด์ยังเป็นขาขึ้น
ราคาเมล็ดถั่วเหลือง ในตลาดโลกเฉลี่ย Q3/65 อยู่ที่ 16 เหรียญสหรัฐฯ /
บุชเชล ลดลง 5% จากราคาเฉลี่ย Q3/65 ตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก และข้อมูลจาก USDA งวด มิ.ย. 65 พบว่า Stock to consumption ratio งวดผลิต 65/66 ที่ 26.6% เทียบกับ 23.6% งวดผลิตปีก่อน จากแนวโน้มผลผลิตใน Top 3 ผู้เพาะปลูกสำคัญของโลก อย่าง สหรัฐฯ บวก 5% YoY, บราซิล และ อาร์เจน
.
อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวยังเป็นเพียงการคาดการณ์ บนการเพาะปลูกในสหรัฐฯ ที่ใกล้แล้วเสร็จ ส่วนบราซิลและอาร์เจนฯ จะเริ่มเพาะปลูกช่วง ต.ค. – พ.ย. ของทุกปี ด้วยสภาพอากาศที่ไม่ได้เอื้ออำนวยจากโอกาสในการเกิดลานีญา (ราว 58% - 59% ในช่วง Q3/65) ทำให้ราคาเมล็ดถั่วเหลืองขยายตัว 18% เทียบกับราคาเฉลี่ย Q2/64 ด้านราคากากถั่วเหลือง Q3/65TD เฉลี่ยสูงขึ้น 5% จากราคาเฉลี่ย Q2/65 (+30.5% YoY จากราคาเฉลี่ย Q3/64) อานิสงส์จากราคาน้ำมันถั่วเหลืองลดลง ส่งผลให้โรงสกัดน้ำมันพืชลดปริมาณสกัดลง กดดันปริมาณกากถั่วเหลืองในตลาดโลกอ่อนตัวลง โดยราคาสินค้าขายที่สูงขึ้นกว่าต้นทุน หากยืนระยะตลอดไตรมาส เป็นสัญญาณบวกต่อ Gross Margin งวด Q3/65 ของ TVO(ราคาเป้าหมาย 35 บ.)
.
* ยางแท่งปริมาณขายของไทยยังสูง
ราคายางแท่ง ล่าสุดอยู่ที่ 1.6 พันดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ลดลง 4.4% นับตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย. 65 และลดลง 10.2% YTD จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว กดดันแนวโน้มความต้องการใช้ยางพาราลดลง แต่ประเมินว่าแนวโน้มปริมาณขายยางพาราของผู้ประกอบการยางไทยจะเพิ่มขึ้นในปี 65 จึงยังแนะนำซื้อ NER ([email protected]) และ STA (FV@B28)
.
* หุ้นไก่ดียกแผง
ราคาไก่เป็น ปรับเพิ่มขึ้นถึง 9% นับตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย. 65 จนล่าสุดอยู่ที่ 48 บาท/กก. (และปรับเพิ่มขึ้นถึง 26% YTD) สอดคล้องกับราคาสุกรหน้าฟาร์ม ที่ปรับเพิ่มขึ้นถึง 17% YTD ล่าสุดอยู่ที่ 110 บาท/กก. (ทรงตัวสูงจากเดือนก่อน) จากปัญหาหมูขาดแคลนและความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ปรับเพิ่มขึ้น จากการเปิดเมือง ส่งผลบวกต่อ TFG (ราคาเป้าหมาย 7.30 บ.) CPF ( ราคาเป้าหมาย 32 บ.) และ GFPT (ราคาเป้าหมาย 17 บ.)
.
* ราคากุ้งทรงตัว
ราคากุ้งขาว ทรงตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ 155 บาท/กก. และปรับลดลงราว 10% YTD เพราะปัจจุบันเป็นช่วงฤดูกาลจับกุ้ง ขณะที่ราคาวัตถุดิบทูน่าเดือนมิ.ย. 65 อยู่ที่ 1.4 พันดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ปรับลดลง 11% mom และลดลง 19% YTD จากการจับทูน่าได้ดีขึ้นชั่วคราว ถือเป็นผลบวกต่อ TU (ราคาเป้าหมาย 18 บ.)
.
* วัตถุดิบอาหารสัตว์พุ่งต่อ
ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 65 เช่นกัน แต่ล่าสุดเริ่มทรงตัวจากเดือนก่อนและไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว โดยราคาวัตถุดิบข้าวโพดล่าสุดอยู่ที่ 13.25 บาท/กก. ปรับเพิ่มขึ้นถึง 26% YTD เช่นเดียวกับราคากากถั่วเหลืองในไทยล่าสุดอยู่ที่ 22.60 บาท/กก. ปรับเพิ่มขึ้น 16% YTD จากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้แนวโน้มผลผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองออกสู่ตลาดลดลง อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักราคาไก่และหมูที่ปรับเพิ่มขึ้นจะหักล้างผลกระทบข้างต้นไปได้ทั้งหมด
 
 
***********************************
 

ปั่นปลูกปลูกปั่น