เช็คปันผลPTT หุ้นพลังงานรายใหญ่ของไทย
พบ 6 ปีจ่ายปันผลรวม 37 บาท
แถมรอรับปันผล 28 ก.ย.นี้อีก 1.30 บาท

.
แม้ PTT หรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะอยู่ในกลุ่มหุ้นพลังงาน ซึ่งราคาและผลประกอบการผันแปรไปตามตลาดโลก และอาจเหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้นมากกว่าการลงทุนระยะยาว แต่ก็มีประวัติให้ผลตอบแทนจากปันผลค่อนข้างดีไม่แพ้หุ้นกลุ่มการเงินหรือหุ้นอสังหาริมทรัพย์ฯ โดย PTT นับเป็นหุ้นที่ให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนดี โดยติดอันดับ 8 ในดัชนี SET High Dividend 30 หรือ SETHD ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนความเคลื่อนไหวราคาของกลุ่มหุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง (Market Capitalization) มีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง
.
และจากการสำรวจข้อมูลย้อนหลัง 6 ปี (ปีผลประกอบการ 2559-2564) Wealthy Thai พบว่า PTT จ่ายปันผลทั้งหมด 11 ครั้ง รวมเป็นเงิน 37 บาทต่อหุ้น
.
ปี 2564 จ่ายเงินปันผล 0.80 บาทต่อหุ้น และ 1.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield ที่ 5.00 % และ 2.55 % ตามลำดับ
.
ปี 2563 จ่ายเงินปันผล 0.82 บาทต่อหุ้น และ 0.18 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield ที่ 2.50 % และ 6.25 % ตามลำดับ
.
ปี 2562 จ่ายเงินปันผล 1.10 บาทต่อหุ้น และ 0.90 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield ที่ 5.06 % และ 4.49 % ตามลำดับ
ปี 2561 จ่ายเงินปันผล 1.20 บาทต่อหุ้น และ 0.80 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield ที่ 4.21 % และ 3.92 % ตามลำดับ
.
ปี 2560 จ่ายเงินปันผล 12.00 บาทต่อหุ้น และ 8.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield ที่ 3.62 % และ 4.01 % ตามลำดับ
.
ปี 2559 ได้รับเงินปันผล 10.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield ที่ 4.05 %
.
ล่าสุด PTT ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2565 ให้แก่ผู้หุ้นของในอัตรา 1.30 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 37,132 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 28 ก.ย. นี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 ต.ค.65
.
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/65 นักวิเคราะห์จากบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ประเมินผลประกอบการลดลงจากไตรมาส 2/65 เพราะ 1) ธุรกิจโรงกลั่นผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว โดย Crack Spread ปรับตัวลดลงทุกชนิด ต้นทุนน้ำมัน Crude Premium สูงขึ้น และราคาน้ำมันดิบเริ่มพักฐานทำให้มีโอกาสขาดทุนสต็อกน้ำมัน, 2) อัตรากำไรของธุรกิจก๊าซที่ PTT ดำเนินงานเองจะถูกกดดันจากการปรับตัวลงของราคาขาย เพราะโครงสร้างราคาอ้างอิงผลิตภัณฑ์น้ำมันเตา และปิโตรเคมี ซึ่งปรับตัวลดลงแรงจากไตรมาสก่อนหน้า สวนทางต้นทุนก๊าซที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปทานก๊าซจากเมียนมา เกิดเหตุการณ์ท่อส่งก๊าซของโครงการ Zawtika รั่วไหล ท่ามกลางปริมาณผลิตระดับต่ำของแหล่งเอราวัณ ทำให้สัดส่วนการนำเข้า Spot LNG จะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ราคา Spot LNG ยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นมาก และ 3) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือ เช่น นโยบายตรึงราคาขายปลีก NGV ราว 2 พันล้านบาท และการสนับสนุนเงินเข้ากองทุนน้ามันรวม 3 พันล้านบาท