ห้องเม่าปีกเหล็ก

เข้าใจแท่งเทียนใน 3 นาที

โดย poomai
เผยแพร่ :
65 views

Candlestick 101: เข้าใจแท่งเทียนใน 3 นาที

อยากเริ่มเทรดหุ้น แต่ยังดูกราฟไม่เป็น?

โพสต์นี้จะพาคุณรู้จัก “ภาษาของกราฟ” ที่ใช้ได้กับหุ้นทุกตัว ทุกราคา ทุกเวลา

ใช่แล้วครับ เรากำลังพูดถึง…

"แท่งเทียน" (Candlestick) เครื่องมือพื้นฐานของนักลงทุนสายเทคนิคอล ที่มือโปรทุกคนต้องใช้

แท่งเทียน 1 แท่ง = พฤติกรรมของตลาดในช่วงเวลานั้น

และถ้าเรา “อ่าน” แท่งเทียนเป็น → ก็จะมองเห็นอารมณ์ตลาด เห็นจังหวะเข้าซื้อ และหลีกเลี่ยงจุดเสี่ยงได้ดีกว่าคนอื่น

...

 

องค์ประกอบแท่งเทียน (Candlestick)

แท่งเทียน 1 แท่ง = สะท้อนพฤติกรรมของราคาหุ้นในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น 1 วัน / 1 ชั่วโมง / 15 นาที

 

แต่ละแท่งมีอะไรบ้าง?

 

ส่วนที่ 1: ราคา 4 จุดสำคัญของแท่งเทียน

จากซ้ายในภาพฝั่งสีเขียว → ขวาในภาพฝั่งสีแดง

ราคาสูงสุด (High) – จุดที่ราคาขึ้นไปสูงที่สุดในช่วงเวลานั้น

ราคาต่ำสุด (Low) – จุดที่ราคาลงไปต่ำที่สุดในช่วงเวลาเดียวกัน

ราคาเปิด (Open) – ราคาที่เริ่มต้นในช่วงเวลานั้น

ราคาปิด (Close) – ราคาสุดท้ายก่อนจบช่วงเวลานั้น

 

การวางตำแหน่งของ 4 จุดนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าแท่งจะเป็น “เขียว” หรือ “แดง”

 

สีของแท่งเทียน: เขียว VS แดง

สีเขียว → ราคาปิด “สูงกว่า” ราคาเปิด → ตลาดมีแรงซื้อ

สีแดง → ราคาปิด “ต่ำกว่า” ราคาเปิด → ตลาดมีแรงขาย

 

ส่วนประกอบแท่งเทียนมี 2 ส่วนหลัก:

 

เนื้อเทียน (Body):

แสดงช่วงระหว่าง “ราคาเปิดปิด”

ถ้าหนากว้าง → เทรนด์ชัด

ถ้าบาง → ตลาดลังเล

 

ไส้เทียน (Wick หรือ Shadow):

คือช่วงราคาที่เคยไปถึงแต่ไม่สามารถ “ปิด” ที่จุดนั้นได้

– ไส้บน = เคยขึ้นไปแต่โดนแรงขาย

– ไส้ล่าง = เคยลงไปแต่โดนแรงซื้อ

 

แล้วกราฟแท่งเทียนบอกอะไรเรา?

บอก "อารมณ์ของตลาด" ในช่วงเวลานั้น

เห็น “แรงซื้อ” หรือ “แรงขาย” ว่าใครคุมเกม

เป็นสัญญาณเบื้องต้นของ “จุดกลับตัว” หรือ “จุดไหลต่อ”

...

ลงรายละเอียด สิ่งที่แท่งเทียนให้ข้อมูลแก่เรา

 

1. ความกว้างของเนื้อเทียน = แรงขับเคลื่อนของตลาด

เนื้อเทียน (ส่วนที่เป็นสี่เหลี่ยม) บอกว่าในช่วงเวลานั้น “ราคาขึ้นแรง หรืออ่อนแรง”

ถ้าแท่งเขียวหนา = มีแรงซื้อชัด

ถ้าแท่งแดงหนา = มีแรงขายจริงจัง

แต่ถ้าแท่งผอม = ตลาดลังเล

สรุป: เนื้อหนา → เทรนด์จริง

เนื้อผอม → เสี่ยงถูกลากหลอก

 

2. สัดส่วนของไส้เทียน = ความผันผวนและแรงต้านแรงรับ

ไส้เทียนคือ “รอยเท้า” ของการแกว่งราคาที่เคยเกิดขึ้น แต่สุดท้ายไม่สามารถปิดได้ในระดับนั้น

เช่น

– ไส้ยาวบน → เคยพุ่ง แต่โดนขายกด

– ไส้ยาวล่าง → เคยหลุด แต่มีแรงซื้อดันกลับ

ยิ่งไส้ยาวแต่เนื้อสั้น → ความผันผวนสูง → เสี่ยง "กลับตัว"

สรุป: ไส้ยาวมาก → ระวังแรงกระแทกจากอีกฝั่ง

 

3. ตำแหน่งของราคาปิด = ใครคือผู้ชนะในแท่งนั้น

ลองแบ่งแท่งเทียนออกเป็น 3 ส่วน: บน / กลาง / ล่าง

– ถ้าราคาปิดอยู่บนสุด → Buyer ชนะ (แรงซื้อแข็งแรง)

– ถ้าปิดตรงกลาง → เสมอตัว (ลังเล)

– ถ้าปิดล่างสุด → Seller ชนะ (แรงขายเยอะ)

สรุป: ดู “ราคาปิด” แล้วจะรู้ว่าใครครองเกมในช่วงนั้น

 

4. ความต่อเนื่องของแท่ง = ความชัดเจนของเทรนด์

แท่งเดียวอาจเป็นเรื่องบังเอิญ…

แต่ถ้ามีแท่ง “เขียวต่อเขียว” หรือ “แดงต่อแดง” หลายแท่งติดกัน → มักสะท้อนเทรนด์ที่แข็งแรง

– เขียวต่อเนื่อง (เนื้อหนา) → แรงซื้อเดินต่อ

– แดงต่อเนื่อง (ปิดต่ำกว่าแท่งก่อน) → แรงขายยังไม่หมด

สรุป: ดู "ชุดของแท่งเทียน" ดีกว่าแท่งเดียวเสมอ

 

Candlestick คือพื้นฐานของทุกกลยุทธ์

ไม่ว่าคุณจะเป็น Day Trader, Swing, หรือสายถือยาว…

ถ้าอ่านแท่งเทียนไม่เป็น = คุณจะอ่านตลาดไม่ออก

เพราะทุกอย่างเริ่มต้นที่ “อารมณ์” และอารมณ์สะท้อนในราคาผ่านแท่งเทียน

....

 

 

ที่มาเนื้อหาจาก..  หุ้นพอร์ทระเบิด


poomai