Candlestick 101: เข้าใจแท่งเทียนใน 3 นาที
อยากเริ่มเทรดหุ้น แต่ยังดูกราฟไม่เป็น?
โพสต์นี้จะพาคุณรู้จัก “ภาษาของกราฟ” ที่ใช้ได้กับหุ้นทุกตัว ทุกราคา ทุกเวลา
ใช่แล้วครับ เรากำลังพูดถึง…
"แท่งเทียน" (Candlestick) เครื่องมือพื้นฐานของนักลงทุนสายเทคนิคอล ที่มือโปรทุกคนต้องใช้
แท่งเทียน 1 แท่ง = พฤติกรรมของตลาดในช่วงเวลานั้น
และถ้าเรา “อ่าน” แท่งเทียนเป็น → ก็จะมองเห็นอารมณ์ตลาด เห็นจังหวะเข้าซื้อ และหลีกเลี่ยงจุดเสี่ยงได้ดีกว่าคนอื่น
...

องค์ประกอบแท่งเทียน (Candlestick)
แท่งเทียน 1 แท่ง = สะท้อนพฤติกรรมของราคาหุ้นในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น 1 วัน / 1 ชั่วโมง / 15 นาที
แต่ละแท่งมีอะไรบ้าง?
ส่วนที่ 1: ราคา 4 จุดสำคัญของแท่งเทียน
จากซ้ายในภาพฝั่งสีเขียว → ขวาในภาพฝั่งสีแดง
ราคาสูงสุด (High) – จุดที่ราคาขึ้นไปสูงที่สุดในช่วงเวลานั้น
ราคาต่ำสุด (Low) – จุดที่ราคาลงไปต่ำที่สุดในช่วงเวลาเดียวกัน
ราคาเปิด (Open) – ราคาที่เริ่มต้นในช่วงเวลานั้น
ราคาปิด (Close) – ราคาสุดท้ายก่อนจบช่วงเวลานั้น
การวางตำแหน่งของ 4 จุดนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าแท่งจะเป็น “เขียว” หรือ “แดง”
สีของแท่งเทียน: เขียว VS แดง
สีเขียว → ราคาปิด “สูงกว่า” ราคาเปิด → ตลาดมีแรงซื้อ
สีแดง → ราคาปิด “ต่ำกว่า” ราคาเปิด → ตลาดมีแรงขาย
ส่วนประกอบแท่งเทียนมี 2 ส่วนหลัก:
เนื้อเทียน (Body):
แสดงช่วงระหว่าง “ราคาเปิดปิด”
ถ้าหนากว้าง → เทรนด์ชัด
ถ้าบาง → ตลาดลังเล
ไส้เทียน (Wick หรือ Shadow):
คือช่วงราคาที่เคยไปถึงแต่ไม่สามารถ “ปิด” ที่จุดนั้นได้
– ไส้บน = เคยขึ้นไปแต่โดนแรงขาย
– ไส้ล่าง = เคยลงไปแต่โดนแรงซื้อ
แล้วกราฟแท่งเทียนบอกอะไรเรา?
บอก "อารมณ์ของตลาด" ในช่วงเวลานั้น
เห็น “แรงซื้อ” หรือ “แรงขาย” ว่าใครคุมเกม
เป็นสัญญาณเบื้องต้นของ “จุดกลับตัว” หรือ “จุดไหลต่อ”
...
ลงรายละเอียด สิ่งที่แท่งเทียนให้ข้อมูลแก่เรา
1. ความกว้างของเนื้อเทียน = แรงขับเคลื่อนของตลาด
เนื้อเทียน (ส่วนที่เป็นสี่เหลี่ยม) บอกว่าในช่วงเวลานั้น “ราคาขึ้นแรง หรืออ่อนแรง”
ถ้าแท่งเขียวหนา = มีแรงซื้อชัด
ถ้าแท่งแดงหนา = มีแรงขายจริงจัง
แต่ถ้าแท่งผอม = ตลาดลังเล
สรุป: เนื้อหนา → เทรนด์จริง
เนื้อผอม → เสี่ยงถูกลากหลอก
2. สัดส่วนของไส้เทียน = ความผันผวนและแรงต้านแรงรับ
ไส้เทียนคือ “รอยเท้า” ของการแกว่งราคาที่เคยเกิดขึ้น แต่สุดท้ายไม่สามารถปิดได้ในระดับนั้น
เช่น
– ไส้ยาวบน → เคยพุ่ง แต่โดนขายกด
– ไส้ยาวล่าง → เคยหลุด แต่มีแรงซื้อดันกลับ
ยิ่งไส้ยาวแต่เนื้อสั้น → ความผันผวนสูง → เสี่ยง "กลับตัว"
สรุป: ไส้ยาวมาก → ระวังแรงกระแทกจากอีกฝั่ง
3. ตำแหน่งของราคาปิด = ใครคือผู้ชนะในแท่งนั้น
ลองแบ่งแท่งเทียนออกเป็น 3 ส่วน: บน / กลาง / ล่าง
– ถ้าราคาปิดอยู่บนสุด → Buyer ชนะ (แรงซื้อแข็งแรง)
– ถ้าปิดตรงกลาง → เสมอตัว (ลังเล)
– ถ้าปิดล่างสุด → Seller ชนะ (แรงขายเยอะ)
สรุป: ดู “ราคาปิด” แล้วจะรู้ว่าใครครองเกมในช่วงนั้น
4. ความต่อเนื่องของแท่ง = ความชัดเจนของเทรนด์
แท่งเดียวอาจเป็นเรื่องบังเอิญ…
แต่ถ้ามีแท่ง “เขียวต่อเขียว” หรือ “แดงต่อแดง” หลายแท่งติดกัน → มักสะท้อนเทรนด์ที่แข็งแรง
– เขียวต่อเนื่อง (เนื้อหนา) → แรงซื้อเดินต่อ
– แดงต่อเนื่อง (ปิดต่ำกว่าแท่งก่อน) → แรงขายยังไม่หมด
สรุป: ดู "ชุดของแท่งเทียน" ดีกว่าแท่งเดียวเสมอ
Candlestick คือพื้นฐานของทุกกลยุทธ์
ไม่ว่าคุณจะเป็น Day Trader, Swing, หรือสายถือยาว…
ถ้าอ่านแท่งเทียนไม่เป็น = คุณจะอ่านตลาดไม่ออก
เพราะทุกอย่างเริ่มต้นที่ “อารมณ์” และอารมณ์สะท้อนในราคาผ่านแท่งเทียน
....
ที่มาเนื้อหาจาก.. หุ้นพอร์ทระเบิด