เถ้าแก่น้อย บุกหนักตลาดสหรัฐ-ยุโรป ดันสาหร่ายไทยเข้าค้าปลีกอินเตอร์
นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปแบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” และ “โนระ” ในต่างประเทศ เปิดเผยว่า เถ้าแก่น้อย ขยายตลาดและสร้างการเติบโตในต่างประเทศต่อเนื่อง เริ่มจากรุกสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะตลาด Mainstream ที่เป็นผู้บริโภคท้องถิ่นชาวอเมริกัน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สาหร่ายภายใต้แบรนด์โนระ (NORA) เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายในสหรัฐฯ ครึ่งปีแรกของปี 2565 เติบโตกว่า 70%
โดยเถ้าแก่น้อย เตรียมวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สาหร่ายผ่านร้านค้าชั้นนำ “เทรดเดอร์โจส์” (Trader Joe's) ที่มีสาขากว่า 500 แห่งในสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปี 2566 เพื่อกระจายสินค้าไปสู่กลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันเถ้าแก่น้อยได้ตีตลาดประเทศแถบยุโรป โดยใช้โมเดลธุรกิจคล้ายกับในสหรัฐฯ เพื่อรุกขยายตลาด ปัจจุบันอยู่ระหว่างหาพันธมิตรเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ารองรับแผนขยายตลาด
นอกจากนี้ เพื่อสอดรับกับเทรนด์นิวนอร์มอล เถ้าแก่น้อยใช้กลยุทธ์สร้างยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, Alibaba, Taobao เป็นต้น โดยใช้ดาราไทยที่มีฐานกลุ่มแฟนคลับจำนวนมากมาช่วยไลฟ์สด (Live) โปรโมตสินค้า พร้อมกันในหลายประเทศ เช่น ไทยและจีน ทำให้ดึงดูดลูกค้าและปิดการขายได้เร็วขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทฯ มากขึ้น สะท้อนจากยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในปีนี้ที่มีอัตราเติบโตกว่า 150%
ช่วงที่ผ่านมา TKN ได้มุ่งทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยเริ่มโฟกัสการไลฟ์สด (Live) ขายสินค้าโดยใช้พรีเซ็นเตอร์ดาราไทยที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อเพิ่มยอดขายในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันได้ไลฟ์สดแบบ 2 ภาษา ทั้งภาษาไทยและจีน"
ส่วนอนาคตจะขยายไปยังมาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยการไลฟ์สดแต่ละครั้งนี้สามารถสร้างยอดขายได้ต่อเนื่อง จึงวางแผนเพิ่มความถี่จากเดือนละ 1 ครั้ง เป็น 2 ครั้ง และคาดว่าจะเป็นช่องทางหลักในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯต่อไป
สำหรับรายได้ช่วงครึ่งปีแรก 2565 ของเถ้าแก่น้อยรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์พบว่า รายได้จากประเทศไทย
รวม 739.7 ล้านบาท ลดลง 4.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการลดลงของยอดขายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชานม “จัสท์ดริ้งค์” ผลกระทบด้านกำลังซื้อผู้บริโภคไทยลดลง แต่ยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดสาหร่าย อยู่ที่ 63% และมีการเติบโต 11% ใกล้เคียงกับมูลค่าของตลาดสาหร่ายรวม (อ้างอิงข้อมูลจาก AC Nielsen)
ด้านตลาดต่างประเทศมีรายได้ช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฮ่องกง และเวียดนาม
อย่างไรก็ดี ตลาดหลักของเถ้าแก่น้อยยังคงเป็นจีนโดยมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ราว 24% ส่วนประเทศอื่น ๆ คิดเป็น 38%