ข่าวดี 2 ข่าวสําหรับ " มหาอํานาจสารขัณฑ์ "

ข่าวดี 2 ข่าวสําหรับ " มหาอํานาจสารขัณฑ์ " ในช่วงปี พ.ศ 2562 - 2563 มีดังนี้ คือ :

ข่าวดีที่ 1) เงินทุนไหลกลับมายัง Emerging Markets รวมทั้ง " มหาอํานาจสารขัณฑ์ " ด้วย เพราะเฟดมีนโยบายที่ผ่อนคลายตามแรงกดดันของ " นายตลาดตัวจริงเสียงจริงอย่าง เอะอะ โผงผาง ไม่อยู่กับร่องกับรอย "

ข่าวดีที่ 2) นักลงทุนย้ายฐานการผลิตจาก " มหาอํานาจ ขากถุย! " มายังประเทศอื่นๆรวมทั้ง " มหาอํานาจสารขัณฑ์ " ด้วย ซึ่งสาเหตุเกิดจากแรงกดดันของ " นายตลาดตัวจริงเสียงจริงอย่าง เอะอะ โผงผาง ไม่อยู่กับร่องกับรอย " อีกนั่นแหละ และจะเป็นการส่งผลกระทบชิ่งเป็นแรงกดดันให้ " มหาอํานาจสารขัณฑ์ " ต้องเร่งผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท และเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ( EEC ) โดยเร็ว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อหุ้น " กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง " 

ส่วนการเลือกตั้งทั่วไปของ " มหาอํานาจสารขัณฑ์ " จะมีหรือไม่มี ไม่ถือว่ามีความสําคัญ? เพราะ " มหาอํานาจสารขัณฑ์ " ถ้าไม่เป็นประชาธิปไตย ก็ต้องเป็นเผด็จการทหารอยู่แล้ว และถ้าหากมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ไม่มีความสําคัญอีกน่ะแหละ! เพราะการเมืองของไทยมีผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับภาพ Macro ในระดับโลก!

ยกตัวอย่าง :

ตัวอย่างที่ 1) ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจาก 1,852 จุด เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 มาทําจุดตํ่าสุดในรอบที่แล้วที่ 1,546 จุด เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 หรือปรับตัวลดลง -16.52% ภายในระยะเวลา 10 เดือน เพราะเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate บ่อยและถี่เกินไปถึง 4 ครั้งในปีที่แล้วคือปี พ.ศ 2561 และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน โดยเหตุการณ์ต่างๆในเมืองไทยมีผลต่อตลาดหุ้นไทยน้อยมาก

ตัวอย่างที่ 2) นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถ้าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 2,471 จุดในวันก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไปในวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563 หนึ่งได้ จะต้องมีปัจจัยมาจาก :

ตัวอย่างที่ 2.1) เงินทุนไหลเข้าประเทศไทยจากนโยบายผ่อนคลายของเฟด

ตัวอย่างที่ 2.2) การย้ายฐานการลงทุนจากจีนมายังประเทศอื่นๆรวมทั้งประเทศไทยด้วย

เหตุผลสนับสนุนและผลักดันภายในประเทศไทยต่อตลาดหุ้นไทยจึงมีน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับภาพ Macro ในระดับโลก