ซื้อ STA ด่วนที่สุด !!

กำไรจะสูงสุดในรอบ 10 ปี ขาขึ้นรอบใหม่กำลังมา

บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ได้ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA โดยได้ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมแนะนำซื้อเก็งกำไร พร้อมกับให้ราคาพื้นฐานปี 2564 เป็น 32 บาทต่อหุ้น เพราะได้รับผลบวกจากการที่ผลดำเนินงานของบริษัทย่อยบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT รวมถึงการดำเนินงานกลุ่มยางธรรมชาติคาดจะได้รับผลบวกจากราคายางที่ดีขึ้น โดยคาดว่ากำไรของ STA จะกลับมาทำสถิติสูงสุดอีกครั้งในรอบ 10 ปี

ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ผลดำเนินงานในปีนี้ขยายตัวได้โดดเด่น จะมาจากการดำเนินงานของ STGT ที่ได้อานิสงค์ของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้สามารถปรับราคาขายถุงมือยางขึ้นได้จากอุปสงค์ที่ยังมีมากทั้งจากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ รวมถึง STGT ได้มีการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น คาดจะหนุนให้การดำเนินงานเติบโต 

ส่วนธุรกิจกลุ่มยางธรรมชาติแม้จะได้รับผลกระทบจากการขายจากโควิด-19 ที่เกิดขึ้น แต่การฟื้นตัวของผู้ใช้รายใหญ่อย่างจีน หลังปัญหาโควิด-19ในประเทศจีนคลี่คลายลง ทำให้การขายกลับมาเติบโตได้อีกครั้งจากความกังวลต่อการใช้รถสาธารณะส่งผลให้การขายรถยนต์ส่วนตัวในจีนกลับมาฟื้นตัว ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อธุรกิจยางธรรมชาติ ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตดั้งเดิมที่เป็นแบรนด์หลักในยุโรป สหรัฐ การฟื้นตัวจะช้ากว่าจากปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามจากปัญหาโควิด-19 ทำให้การขายยางธรรมชาติหดตัวลงกว่าเดิม ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการปริมาณขายยางลงจากเดิมเหลือเพียง 1.1 ล้านตัน และปรับประมาณการการดำเนินงานของกลุ่มถุงมือยางขึ้นจากเดิม ทำให้ยอดขายเพิ่มเป็น 73,198 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%จากปีก่อน รวมถึงได้ปรับมาร์จิ้นขึ้นจากเดิม ผลจาก STGT ที่ได้รับผลดีจากการปรับราคาขายขึ้นในครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าในปีนี้ STA จะมีกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 6,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย เมื่อเทียบกับปีก่อน 

สำหรับแนวโน้มในปี 2564 คาดว่ายังได้รับผลบวกต่อเนื่องจากผลดำเนินงานของ STGT ที่ยังโตต่อเนื่องจากคำสั่งซื้อที่ยังมีเข้ามา ขณะที่การดำเนินงานในกลุ่มยางธรรมชาติคาดจะได้รับผลบวกจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวส่งผลให้กำลังซื้อในกลุ่มรถยนต์กลับมา โดยคาดปริมาณขายจะเพิ่มเป็น 1.2 ล้านตัน 

แต่แนวโน้มมาร์จิ้นคาดว่าจะอ่อนตัวลงจากแนวโน้มมาร์จิ้นของถุงมือยางที่จะทยอยลดลง จึงคาดว่า STA ในปี 2564 จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,945 ล้านบาท ลดลงจากปีนี้ 21%