บทกลอนข้างต้น เป็นคําสอนของท่านสุนทรภู่ ซึ่งเป็นกวีเอกของเมืองไทยและสามารถนํามาประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงได้เสมอ รวมถึงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ในเมื่อคนเราทุกคนมีเวลาจํากัดเพียง 24 ชั่วโมงต่อวันเท่าๆกัน ในขณะที่การสั่งสมความรู้ ความเช่ียวชาญ ประสบการณ์ ตลอดจนความสนใจในการติดตามข้อมูลข่าวสารในบางเรื่องบางราวก็แตกต่างกันออกไป เช่นบางคนมีประสบการณ์แค่ 1 ปี บางคนก็ 5 ปี 10 ปี 20 ปี 30 ปี หรือแม้แต่ 40 ปีหรือมากกว่าก็ยังมี และ แน่นอนที่สุดคนที่รู้จริงเท่านั้นที่จะยืนหยัด หรือ มีความสามารถในการแข่งขันเหนือคนอื่นๆที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ ตลอดจนความสนใจในการติดตามข้อมูลข่าวสารในเรื่องนั้นๆน้อยกว่า ได้ในระยะยาว
คําสอนดังกล่าวข้างต้นนั้น ตรงกับหลักการลงทุนที่จิม โรเจอร์ให้ความเห็นไว้ดังนี้ คือ :
จิม โรเจอร์ ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักการลงทุน ดังนี้ คือ :
ผู้คนต่างถามผมอยู่เสมอว่าลงทุนในอะไรดี ซึ่งผมก็ตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง ผมบอกว่า อย่าฟังผม อย่าฟังใครทั้งนั้น ทางเดียวที่คุณจะเป็นนักลงทุนที่ประสบผลสําเร็จ คือ การลงทุนในสิ่งที่คุณมีความรู้ดี ทุกคนมีสิ่งที่ตนรู้ดีทั้งนั้น มันอาจจะเป็นรถ แฟชั่น หรือ อะไรก็ตาม คุณรู้ดีในเรื่องอะไรสักเรื่อง ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณรู้เรืองอะไรดี ให้คุณถอยมามองดูชีวิตประจําวันของคุณ เมื่อคุณนั่งรอตรวจกับหมอคุณมักจะหยิบนิตยสารอะไรขึ้นมาอ่าน ถ้าคุณเปิดโทรทัศน์คุณมักจะดูรายการประเภทไหน และ คุณก็จะรู้ในไม่ช้าว่าคุณสนใจเรื่องอะไรกันแน่ และ ความรอบรู้ของคุณจะอยู่ในเรื่องใด
ตอนนี้คุณก็พร้อมที่จะเป็นนักลงทุนที่ประสบผลสําเร็จแล้ว ถ้าคุณมีความสนใจเรื่องรถยนต์ ให้คุณอ่านทุกอย่างที่คุณหาได้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ คุณจะรู้ว่าเมื่อไหร่บางสิ่งที่จะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ดีขนานใหญ่จะเกิดขึ้น จากนั้นให้ตามเรื่องต่อ อ่านเรื่องที่คุณค้นพบให้มากขึ้น มันอาจจะเป็นระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบใหม่ที่กําลังพัฒนาอยู่ เป็นระบบที่เหนือกว่าและถูกกว่าระบบที่กําลังใช้อยู่ และคุณก็รู้ว่าเมื่อมันเข้าสายพานการผลิตเมื่อไหร่ มันจะกินส่วนแบ่งการตลาดขนานใหญ่อย่างแน่นอน หรือ มันอาจจะเป็นถนนเส้นใหม่ ผู้คนอาจจะขับรถไปในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน โรงแรมหรือศูนย์การค้าใหม่อาจจะเปิดที่นั่น กลยุทธพื้นฐานคืออยู่ในสิ่งที่คุณรู้แล้วขยายความรู้ออกไป ถ้ามีคนโทรหาคุณแล้วบอกว่า โอ้ พระเจ้า ตอนนี้มีข่าวใหม่เกี่ยวกับกระบวนการผลิตคอมพิวเตอร์แบบใหม่ คุณต้องไม่ใส่ใจมัน คุณไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ รถยนต์คือสิ่งที่คุณรู้ เพ่งพินิจในสิ่งที่คุณรู้และเมื่อคุณเห็นการเปลี่ยนแปลง คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กําลังจะมาก่อนที่ผมจะเห็นนานทีเดียว นานโขกว่าที่คนอื่นในวอลส์สตรีทจะเห็น เพราะรถยนต์เป็นความชื่นชอบของคุณ มันเป็นเรื่องที่คุณนั่งอ่านอยู่ตลอดเวลา
หมายเหตุ 1 : จากหนังสือ " STREET SMARTS " โดย จิม โรเจอร์
และจิม โรเจอร์ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับการลงทุนแบบมุ่งเน้นไว้ดังนี้ คือ :
จิม โรเจอร์ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการลงทุนแบบมุ่งเน้น ดังนี้ คือ :
ถ้าคุณต้องการทําเงินได้มากๆ จงอย่ากระจายการลงทุน โบรกเกอร์สนับสนุนแนวความคิดที่ว่าทุกคนควรกระจายการลงทุน แต่ด้วยสาเหตุหลักคือพวกเขาต้องการปกป้องตัวเอง ถ้าคุณซื้อหุ้นที่ต่างกันสิบตัว สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นคือหุ้นบางตัวจะไปได้ดี คุณจะไม่หมดตัว แต่คุณก็ทําเงินได้ไม่มากเช่นกัน แม้ว่าคุณจะลงทุนได้ดี แม้ว่าจะมีหุ้นเจ็ดตัวที่ขึ้น และมีแค่สามตัวที่ลง มันก็ดีแต่มันก็ไม่ทําให้คุณรวยขึ้นมาได้ ทางเดียวที่คุณจะรวยก็คือค้นให้พบว่าหุ้นตัวไหนดี เน้นไปที่ตัวนั้น และลงทรัพยากรทั้งหมดของคุณไปที่นั่น แต่คุณต้องดูให้แน่ใจว่าคุณเลือกถูก เพราะมันเป็นทางที่ทําให้คุณหมดตัวเร็วที่สุดเช่นกัน นี่เป็นสาเหตุที่โบรกเกอร์บอกให้กระจายการลงทุน พวกเขาไม่ต้องการให้คุณเจ๊งแล้วไปฟ้องพวกเขา
ถ้าคุณต้องการรวย คุณจงหาสิ่งที่ไช่สักสองสามอย่างแล้วลงทุนในนั้น ถ้าคุณซื้อโภคภัณฑ์ในปี ค.ศ 1970 แล้วถือมันอยู่สิบปี พอถึงปี ค.ศ 1980 คุณขายโภคภัณฑ์ของคุณแล้วซื้อหุ้นญี่ปุ่น จากนั้นในปี ค.ศ 1990 คุณขายหุ้นญี่ปุ่นของคุณแล้วซื้อหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา แล้วขายมันออกไปในปี ค.ศ 2000 คุณจะรวยไม่รู้เรืองเลยตอนนี้ แต่ถ้าคุณกระจายการลงทุนในปี ค.ศ 1970 และซื้อหุ้นแบบเฉลี่ย คุณจะไม่ได้เงินเลยเมื่อสามสิบปีผ่านไป ไช่ คุณสามารถกระจายการลงทุนและคุณจะปลอดภัย แต่คุณจะไม่มีทางรวย สําหรับนักลงทุนที่ต้องการทําเงินให้ได้มากๆ คุณต้องอยู่ในสิ่งที่คุณรู้ อย่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา และลงทุนแบบเน้นๆ นานๆ ครั้ง แน่นอนว่าข้อเสียของวิธีนี้คือถ้าคุณไม่ฉลาดอย่างที่คุณคิดคุณก็จะหมดตัว หมดไม่เหลือ ก็อย่างที่ผมบอกไว้ก่อนแล้วว่า อย่าเชื่อผม จงอยู่ในสิ่งที่คุณรู้
หมายเหตุ 2 : จากหนังสือ " STREET SMARTS " โดย จิม โรเจอร์
และท้ายที่สุดนี้ จิม โรเจอร์ยังได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการคาดการณ์ไว้ดังนี้ คือ :
จิม โรเจอร์ ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการคาดการณ์ ดังนี้ คือ :
ถ้ามีการปฏิวัติที่ชิลีเมื่อสองร้อยปีก่อน เราอาจจะไม่รู้ว่าราคาของทองแดงจะเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งสามถึงหกเดือนต่อมา จนกระทั่งเรือเข้าเทียบท่าและไม่มีทองแดงบนเรือ ชิลีเป็นประเทศที่ทําเหมืองทองแดง และถ้าคุณสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีการปฏิวัติ คุณจะทําเงินได้มหาศาล ไม่เพียงจากทองแดง แต่ยังรวมสิ่งอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับราคาทองแดงด้วย นกพิราบสื่อสารที่บินมาลอนดอนเพื่อมาบอกข่าวชัยชนะของเวลลิงตันเหนือนโปเลียน ให้กับ นาธาน รอธส์ไชลด์ ได้ทําประโยชน์อย่างสําคัญให้กับตระกูลนายธนาคารที่โด่งดังในยุโรปตระกูลนี้ การได้ข้อมูลข่าวสารก่อนใครทําให้คุณทําเงินได้มากมาย แต่มันเป็นความจริงต่อเมื่อคุณรู้ว่าคุณจะทําอะไรกับมัน ทุกวันนี้เรารู้เรื่องทุกเรื่องในทันที และทุกคนก็มีข้อมูลข่าวสารเดียวกันแทบจะพร้อมๆ กัน เพราะสังคมทุกวันนี้เป็นสังคมออนไลน์ เพราะฉะนั้น วิจารณญาณหรือความสามารถในการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอนาคต จึงเป็นสิ่งที่สําคัญที่สุดในการชี้วัดความสําเร็จของนักลงทุน
สําหรับตัวอย่างการคาดการณืมีดังนี้คือ :
1) Warren Buffett คาดการณ์ว่า ดัชนีตลาดหุ้น Downjones จะปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 1 ล้าน จุด ในอีก 100 ปีข้างหน้า
2) George Soros คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะเกิด Hard Landing
3) Jim Rogers คาดการณ์ว่าจะเกิดฟองสบู่โลกแตกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจาก ปัญหาการพอกพูนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของหนี้สินทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และ จีน
4) ผู้โพสต์คาดการณ์ว่า ดัชนีหุ้นไทย หรือ Set Index จะปรับตัวขึ้นไปยืนอยู่ที่ 5,000 จุด ในอีก 3 ปีข้างหน้าคือใน ปี พ.ศ 2563 สาเหตุเนืองมาจาก Fed Fund Rate เป็นขาขึ้นรอบใหญ่ ก่อนที่ฟองสบู่โลกจะแตกเมื่อ Fed Fund Rate ขึ้นไปอยู่ที่ ระดับ 4.00 - 4.25% ใน ปี พ.ศ 2564
5) คุณพิชัย จาวลา คาดการณ์ว่า ดัชนีหุ้นไทย หรือ Set Index จะปรับตัวขึ้นไปยืนอยู่ที่ระดับ 2,000 - 2,500 จุด ในปี พ.ศ 2561 ด้วยเหตุผลเกียวกับทฤษฎีผลประโยชน์
6) เมื่อเร็วๆ นี้ Jim Rogers ก็ออกมาคาดการณ์ว่า ฟองสบู่ Bitcoin น่าจะแตกในเร็วๆ นี้ เพราะการปรับตัวของ Bitcoin เป็นไปอย่างรวดเร็ว และ Jim Rogers ก็ยังคาดการณ์ต่อไปว่าสังคมโลกต่อไปจะเป็นสังคมไร้เงินสด เพราะ FinTech ( การคาดการณ์ของจิม โรเจอร์ ในเรื่องฟองสบู่ Bitcoin ถือว่าถูกต้อง เพราะ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในช่วงต้นปีนี้คือปี พ.ศ 2561 )
เป็นต้น
หมายเหตุ 3 : จากหนังสือ " STREET SMARTS " โดย จิม โรเจอร์
หมายเหตุ 4 :โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com