ห้องเม่าปีกเหล็ก

Energy Sector

โดย POWER
เผยแพร่ :
126 views

Energy Sector : ความเสี่ยงการเปลี่ยนนโยบายเชื้อเพลิงชีวภาพ

การเปลี่ยนแปลงนโยบายส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพของประเทศที่อาจเกิดขึ้น จากข้อมูลของศูนย์ข่าวพลังงาน กระทรวงพลังงานมีแผนจะไม่ขยายระยะเวลาอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงชีวภาพหลังจากวันที่ 24 ก.ย. 2567 แผนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดโลกและเพื่อยกเลิกเงินอุดหนุนที่นำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ กระทรวงมีแผนที่จะลดจำนวนประเภทน้ำมันเบนซินและดีเซลลงเหลืออย่างละ 2 ชนิด สำหรับน้ำมันเบนซินจะมีเพียงน้ำมันเบนซินธรรมดา (ไม่ผสมเอทานอล) และน้ำมันเบนซินผสมเอทานอล 10% (หรือแก๊สโซฮอล์ E10) ส่วนผลิตภัณฑ์ดีเซลจะเหลือดีเซลธรรมดาและดีเซล B7

 

มุมมองเชิงลบ หากมีการดำเนินนโยบายดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เป็นไปได้นี้จะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ หากนโยบายเกิดขึ้นจริง เราจะมีมุมมองเชิงลบต่อบริษัทฯ เชื้อเพลิงชีวภาพทุกแห่ง ทั้งผู้ผลิตเอทานอลและ B100 เนื่องจาก

 

การยกเลิกน้ำมันเบนซิน E20 จะลดอุปสงค์เอทานอลได้อีก 0.6 ล้านลิตร/วัน ซึ่งคิดเป็น downside 17% ต่อการใช้เอทานอลในปัจจุบันในประเทศไทย ซึ่งหมายถึงอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานเอทานอลในไทยลดลงเฉลี่ยอีก 9% เป็น 43% จาก 52%

 

สำหรับผู้ผลิต B100 จะจำกัด upside ของอุปสงค์ B100 เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันจำหน่ายน้ำมันดีเซล B7 เท่านั้น ซึ่งทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานผลิตยังคงอยู่ในระดับต่ำประมาณ 45% โดยเฉลี่ย

 

ผลกระทบดังกล่าวจะแย่ลงอีก หากรัฐบาลตัดสินใจยกเลิกการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงชีวภาพทั้งหมด เนื่องจากจะทำให้ความน่าดึงดูดในเชิงราคาของน้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซล B7 เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อเทียบกับน้ำมันเบนซินและดีเซลปกติ ส่งผลให้อุปสงค์เชื้อเพลิงชีวภาพปรับตัวลดลงได้อีกอย่างมีนัยสำคัญ

 

แต่ยังมีโอกาสที่จะขยายระยะเวลาออกไป อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ. กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ยังคงเปิดช่องให้ขยายเวลาอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงชีวภาพออกไปได้อีก 2 ปี โดยสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ณ วันที่ 7 ม.ค. 2567) ยังคงขาดดุลจำนวน 8.01 หมื่นลบ. ซึ่งประกอบด้วยการขาดดุลบัญชีน้ำมันจำนวน 3.4 หมื่นลบ. และการขาดดุลบัญชีก๊าซ LPG จำนวน 4.61 หมื่นลบ. นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีกระแสเงินสดไหลออกจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ประมาณ 150 ลบ./วัน

 

มุมมอง KS

ทยอยลดความเสี่ยงจากผู้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพลง และปรับลดคำแนะนำสำหรับ GGC เป็น “ขาย” เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพของประเทศที่อาจเกิดขึ้น เราจึงปรับลดคำแนะนำสำหรับ GGC จาก “ถือ” เป็น “ขาย” โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ลดลงจาก 10.50 บาทเป็น 8.90 บาท

 

 

 


POWER