KS Monthly Strategy
เวลากำลังนับถอยหลัง
- ตลาดฟื้นตัวจากความหวังบนข้อตกลงทางการค้า ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวฟื้นขึ้นในแรงในเดือนเม.ย.-พ.ค.จากความหวังในข้อตกลงทางการค้า หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการผ่อนปรนภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน อีกทั้งสหรัฐฯ และ สหราชอาณาจักรสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าเพื่อลดภาษีศุลกากรตอบโต้ได้สำเร็จ และหลังจากนั้นต่อเนื่องด้วย สหรัฐฯ และจีนก็ได้ตกลงร่วมกันระงับการปรับขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน
- ส่งผลให้ดัชนี MSCI ACWI ปรับตัวขึ้น 5.7% ในเดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนี SET ของไทยปรับตัวอ่อนลง 4.2% ต่ำกว่าตลาดโลก เนื่องจากการประชุมเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ถูกเลื่อนออกไปโดยไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน
- ข้อตกลงทางการค้าของไทยยังคงไม่แน่นอน เรามองมีปัจจัยสำคัญ 3 ประเด็นที่ต้องติดตามในเดือนมิ.ย. ได้แก่ 1) ความคืบหน้าของข้อตกลงทางการค้า, 2) การส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินของ Fed, และ 3) มาตรการกระตุ้นทางการคลัง ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้เสนอแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 5 ด้านให้กับสหรัฐฯ ในการเจรจาทางการค้าเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มภาษีนำเข้า
- แม้ว่าการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ยังไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจนหลังจากการประชุมที่เดิมมีกำหนดในวันที่ 23 เม.ย. ต้องเลื่อนออกไป แต่เรามองว่าอาจเห็นความคืบหน้าในการเจรจาในเดือนหน้าเนื่องจากใกล้ครบกำหนดสิ้นสุดช่วงผ่อนปรนภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ในวันที่ 9 ก.ค. อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ายังมีความไม่แน่นอนสูงว่าประเทศไทยจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้หรือไม่ แต่ไม่ว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้หรือไม่ก็ตาม เราคาดว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ไทยจะชะลอลงจากประมาณ 2.5–3.0% ในครึ่งแรกของปี 2568 มาอยู่ที่ 1% หรือต่ำกว่านั้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากผลของฐานที่สูงในปีก่อน และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
- นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยช่วยพยุงตลาด หลังจากที่ Fed ดำเนินนโยบายในลักษณะรอดูท่าทีตลอดครึ่งแรกของปี 2568 จากสถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงแต่ด้วยแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว เราเชื่อว่า Fed อาจเริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินภายหลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อช่วงกลางเดือนมิ.ย. โดยสัญญาณการผ่อนคลายของ Fed น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงตลาด
- ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวจากผลของมาตรการภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ ทำให้มีความจำเป็นมากขึ้นที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาการปรับเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะและดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อประคับประคองการเติบโตทางเศรษฐกิจ เราเชื่อว่าภายในเดือนมิ.ย.-ก.ค.จะเห็นความชัดเจนว่ารัฐบาลจะปรับเพิ่มเพดานหนี้หรือไม่ ภายหลังการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีวาระแรกช่วงปลายเดือนพ.ค.
- ตลาดมีแนวโน้มผันผวนตามเส้นตายการผ่อนปรนที่ใกล้เข้ามา เรายังคงเป้าหมายดัชนี SET ปี 2568 ที่ระดับ 1,145 จุด โดยอิงประมาณการกำไรต่อหุ้นของตลาดที่ 88 บาท และ PER ที่ 13 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว -1SD อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าตลาดอาจมีความผันผวนในเดือนมิ.ย.จากความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้า และเส้นตายการผ่อนปรน 90 วันที่ใกล้เข้ามา ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้หรือไม่
- เราคาดว่า SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,145–1,275 จุด ในเดือนมิ.ย. โดยหากการเจรจาประสบความสำเร็จ ดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นแตะระดับ 1,275 จุด แต่หากการเจรจาล้มเหลว ดัชนีอาจปรับตัวลงไปยังระดับ 1,145 จุด เราแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นเชิงรับ ควบคู่กับหุ้นที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากความคาดหวังในเชิงบวกของการเจรจาการค้า เช่น GULF, BEM, TIDLOR, PTTGC และ TOP
