5 หุ้นราคาลงลึก
เป้าหมายนักลงทุนสาย “ช้อน”
.
ยังคงอยู่ในช่วงที่เรียกว่า “พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก” สำหรับตลาดหุ้นไทยอย่างแท้จริง เพราะทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศคอยกดดันอย่างต่อเนื่อง หลังเริ่มจะมีความหวังจากการที่รัฐบาลไทยเตรียมเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อหาทางออกจากกำแพงภาษีแต่กลับถูกทางสหรัฐฯ เลื่อนวันเจรจาออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาพบกับความตึงเครียดอีกครั้ง
.
โดยหุ้นรายตัวก็พบกับแรงเทขายออกมาเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่ามีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่อาจจะรอจังหวะนี้ในการเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรในอนาคต โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดว่าหุ้นที่ราคาปรับลงมาลึกและจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนประกอบด้วย WHA, SCGP, PTTEP, BGRIM, HANA
.
วันนี้ Wealthy Thai จึงได้สำรวจปัจจัยพื้นฐานและคำแนะนำการลงทุนของทั้ง 5 หุ้น พร้อมเปรียบเทียบราคาจากต้นปีถึงปัจจุบันมาฝากแฟนเพจทุกคน
.

เริ่มด้วย บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA จากวันที่ 2 ม.ค. 68 ราคาอยู่ที่ระดับ 5.45 บาท โดยปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.90 บาท ในวันที่ 22 เม.ย. 68 คิดเป็นการปรับตัวลดลงถึง 46.79% อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จาก บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ให้คำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท โดยมองว่า WHA ชะลอแผนการทำ IPO หุ้น WHAID ออกไป ช่วยปลดล็อก Overhang ต่อหุ้นจากความกังวลต่อ Dilution กำไรจากการลดสัดส่วนถือหุ้น
.
ทั้งนี้ คาดว่าแรงขายจากต่างชาติจะเบาบางลงจากการชะลอแผน IPO หลังเผชิญแรงขายหนักต่อเนื่อง สำหรับแนวโน้มยอดขายที่ดินไตรมาส 1/68 แข็งแกร่งราว 700 ไร่ และยังอยู่ระหว่างเจรจาที่ดินแปลงใหญ่รวมอีกเกือบ 1,000 ไร่ ทำให้น่าจะปรับเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เป็น 2,350 ไร่ กลางปีนี้
.
ส่วน บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP จากต้นปีราคาอยู่ที่ระดับ 19.50 บาท ขณะที่วันที่ 22 เม.ย.68 ราคาปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 13.20 บาท คิดเป็นการปรับตัวลดลงถึง 32.31% ทั้งนี้ บล.หยวนต้า มองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 16% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นจากสงครามการค้าไปบางส่วนแล้ว ขณะที่กำไรปกติคาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 4/67 และอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท
.
สำหรับ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP จากต้นปีราคาอยู่ที่ระดับ 124.50 บาท ขณะที่วันที่ 22 เม.ย.68 ราคาปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 100.50 บาท คิดเป็นการปรับตัวลดลงถึง 19.28% โดย บล.หยวนต้า แนะนำ “ซื้อ” พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 132.00 บาท จาก 1) ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PBV ที่ 0.8 เท่า Discount กว่า-1.5SD จากค่าเฉลี่ย10 ปี
.
2) ความสามารถทำกำไร ROE ปี 2568 อยู่ที่ 10.2% สูงกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นในอุตสาหกรรรมพลังงาน 3) ราคาปัจจุบันให้ Dividend Yield สูง 6.5% 4) ฐานะการเงินมั่นคงด้วยสถานะ Net Cash อย่างไรก็ตาม ระยะสั้น หุ้นอยู่ในกลุ่ม Commodity Play เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีโอกาสผันผวนจากการตอบโต้นโยบายการค้าระหว่างประเทศ เชิงกลยุทธ์นักลงทุนอาจ Wait and see รอดูความชัดเจนจากผลกระทบที่เกิดขึ้นก่อนเข้าลงทุน
.
ขณะเดียวกัน บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM จากต้นปีราคาอยู่ที่ระดับ 19.20 บาท ขณะที่วันที่ 22 เม.ย.68 ราคาปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 11.20 บาท คิดเป็นการปรับตัวลดลงถึง 41.67% โดย บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำ “ซื้อ” พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท โดยมองว่าได้ประโยชน์จากการกำหนดค่าไฟฟ้างวด พ.ค.-ส.ค. คงเดิม 4.15 บาท/หน่วย ทำให้แนวโน้มกำไรปีนี้อาจมี Upside จากประมาณการค่าไฟฟ้า 4.02 บาท
.
อีกทั้งได้ประโยชน์จากการที่ AMATA ปรับเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ขึ้นอีกเป็น 3.5 พันไร่ +17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณขายไฟฟ้าในนิคมฯ เพิ่มขึ้นตามมารวมถึงอยู่ระหว่างขยายเข้าสู่ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ ราคาหุ้นลดลง -44% จากต้นปีถึงปัจจุบัน สะท้อนความกังวลต่อนโยบายลดค่าไฟฟ้าไปแล้ว
.
ปิดท้ายที่ บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA จากต้นปีราคาอยู่ที่ระดับ 24.30 บาท และวันที่ 22 เม.ย.68 ราคาปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 18.00 บาท คิดเป็นการปรับตัวลดลงถึง 25.93% โดย บล.หยวนต้า แนะนำ “TRADING” พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 17.50 บาท เนื่องจากผลประกอบการไม่เด่น และมีแนวโน้มอ่อนแอต่อเนื่องตลอดปี 2568 แต่หุ้นใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว โดยคาดว่าระดับที่น่าสะสมคือ 13.00-14.00 ต่อหุ้น หรือ PER 14-15 เท่า
ที่มา.. WealthyThai