หลังจาก ดีลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/20 – 2021/22ในประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม กับเฟซบุ๊ก ต้อง “ล่ม”ไป จนต้องมีการเปิดประมูลใหม่ ปรากฎว่า ทรูวิชั่น เป็นผู้คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในไทย
โดยลิขสิทธิ์ที่ได้เป็นแบบ “ออลไรท์”หรือลิขสิทธิ์ครบถ้วนแบบเบ็ดเสร็จเต็มรูปแบบ จากพรีเมียร์ลีกอังกฤษโดยตรง สามารถออกอากาศได้ ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งบนทีวี และออนไลน์ โดยในแพลตฟอร์มทีวี ทรูวิชั่นส์ได้รับการยืนยันเป็น “เพย์ทีวีเ”พียงรายเดียวในประเทศไทยที่ถ่ายทอดสดครบ 380 แมทช์ ตลอดฤดูกาล รวม 3 ฤดูกาลนับจากนี้
พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์ และมีเดีย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ได้พยายามอย่างต่อเนื่องในการเจรจาเพื่อให้ได้ลิขสิทธิ์ ในครั้งนี้
โดยทรูวิชั่นส์จะเป็นผู้ให้บริการเพย์ทีวีเพียงรายเดียวของไทยที่ได้รับลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกครบถ้วนแบบเบ็ดเสร็จเต็มรูปแบบ ทั้งการถ่ายทอดสด รีรัน และ ไฮไลท์ ครบทั้ง 380 แมตช์ โดยได้เตรียมเปิดตัว 6 ช่อง เพื่อรองรับฟุตบอลรายการใหญ่ที่สุดของโลก ที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 10 ส.ค. นี้
พร้อมกันนี้ยังได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดผ่านทางออนไลน์ ได้ครบทุกแพลตฟอร์ม โดยสมาชิกที่ใช้บริการในกลุ่มทรู เช่น ทรูวิชั่นส์ ทรูมูฟเอช ทรูออนไลน์ และทรูไอดี จะได้รับชมพรีเมียร์ลีกอังกฤษได้เช่นกัน โดยรูปแบบและวิธีการรวมถึงโปรโมชั่นพิเศษในการร่วมรับชมสำหรับทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่จะประกาศให้ทราบต่อไป
มร. พอล โมนาร์ ผู้อำนวยการด้านการออกอากาศฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เผยว่า “เรารู้สึกมีความยินดีที่ได้ต้อนรับ ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป มาร่วมเป็นพันธมิตรอีกครั้ง ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษใน 3 ฤดูกาล ข้างหน้า 2019/20 – 2021/22 นี้ ทางทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ได้เตรียมแผนการตลาดเพื่อรองรับรายการใหญ่นี้บนหลากหลายแพลตฟอร์มภายใต้กลุ่มทรู
โดยลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษนั้น เป็นที่นิยมของผู้ชมชาวไทย จึงเป็นที่หมายปองของผู้ประกอบการด้านทีวี ตั้งแต่ในยุคของ เพย์ทีวี(การรับชมแบบเสียค่าสมาชิก) ที่ทรูวิชั่นส์ คว้าลิขสิทธิ์มาตลอด เพราะถือเป็นคอนเท้นท์แม่เหล็กสำคัญในการขยายฐานสมาชิก แต่ต้องมาถ่ายแพ้ให้กับ CTH ของวิชัย ทองแตงที้องการแจ้งเกิดธุรกิจทีวีดาวเทียมจึงทุ่มประมูล คว้าลิขสิทธิ์ ในฤดูกาล 2013-2016 ถึง 350 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 11,600 ล้านบาท แต่ต้องปิดตัวไปในที่สุด
ต่อมาฤดูกาล 2016-2019 ลิขสิทธิตกไปอยู่ในมือของ beIN Sports ข่องกีฬาของตะวันออกกลาง โดยทีทรูวิชั่นส์ จึงขอซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมาออกอากาศ
จนกระทั่งการถ่ายทอดสด ฤดูกาล 2019/20 – 2021/22 ที่ลิขสิทธิ์เกือบตกไปอยู่ของ “เฟซบุ๊ก” ที่ต้องการบุกเรื่องของวิดีดอ แต่ตอนหลังเมื่อการเจรจาล้ม จึงทำให้ลิขสิทธิ์มาตกอยู่ในมือของ ทรูวิชั่นส์อีกครั้ง
ขอบคุณที่มา :