BDMS หุ้นบลูชิพกลุ่มโรงพยาบาล กับการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนระยะยาว

ธุรกิจเฮลท์แคร์เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในอนาคต จากการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการยอมรับด้านการรักษาพยาบาลและมีเป้าหมายก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพระดับโลก ดังนั้นในหนึ่งปีจึงมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพื่อรับการรักษาจำนวนมาก ซึ่ง BDMS ก็เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยต่างชาติให้ความนิยม และคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากเมกะเทรนด์อีกด้วย ดังนั้น Wealthy Thai จึงอยากชวนนักลงทุนมาหาคำตอบว่า  BDMS เหมาะจะเป็น “หุ้นตัวแรก” สำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือไม่


BDMS หรือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) นับเป็นเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและติดอันดับโลกด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ปัจจุบัน BDMS มีโรงพยาบาลเครือข่ายทั้งสิ้น 53 โรงพยาบาล แบ่งเป็น 6 กลุ่มโรงพยาบาลหลัก ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ 26 แห่ง, กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช 7 แห่ง, โรงพยาบาลบีเอ็นเอช 1 แห่ง, กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท 5 แห่ง, กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล 7 แห่ง, กลุ่มโรงพยาบาลรอยัล 2  แห่ง และโรงพยาบาลอื่นๆ อีก 5  แห่ง รวมเป็นจำนวนเตียง 8,215 เตียง


นอกจากนี้ ยังมี BDMS Wellness Clinic ที่พัฒนาความสามารถการบริการทางการแพทย์แบบครบวงจร โดยเน้นการป้องกันผ่านการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อการมีอายุที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ รวมถึงลงทุนในบริษัทยา ทั้งโรงงานผลิต และร้านขายยา เพื่อสนับสนุนการให้บริการทางการแพทย์อย่างครบวงจร


ในด้านในด้านการลงทุน BDMD มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) อยู่ที่ 417,165.05 ล้านบาท และเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนและนักวิเคราะห์เสมอ

BDMS หุ้นบลูชิพ เหมาะลงทุนระยะยาวกลาง-ยาว

สำหรับประเด็นที่ BDMS เหมาะจะเป็น “หุ้นตัวแรก” ในการเริ่มต้นทุนหรือไม่นั้น คุณอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ให้ความเห็นว่า BDMS ถือเป็นหุ้นบลูชิพและเป็นโรงพยาบาลที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ที่สุดในไทย รวมถึงมีโรงพยาบาลในต่างประเทศด้วย อีกทั้งตอนนี้ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทก็พยายามควบคุมค่าใช้จ่าย ทำให้ปัจจุบันธุรกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อยๆ จึงถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจ และเหมาะเป็นหุ้นที่จะลงทุนแบบ DCA และหุ้นตัวแรกได้ เพราะอยู่ในธุรกิจที่จำเป็นต่อการดำเนินงานชีวิตของคนเราอยู่แล้ว ประกอบกับในอนาคตจะเป็นสังคมผู้สูงอายุ จึงเป็นทางเลือกที่เป็นเมกะเทรนด์


สำหรับปัจจัยที่ต้องระมัดระวัง มองว่าในระยะสั้น BDMS อาจมีปัจจัยกดดันจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการพัฒนาโครงการ BDMS Silver Wellness & Residence ซึ่งใช้งบประมาณลงทุนราว 23,545 ล้านบาท แต่มองว่าเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต คาดจะเห็นผลตอบแทนในระยะกลางถึงยาว


“ระยะสั้นใช้เม็ดเงินลงทุนค่อนข้างสูง ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่สบายใจ เพราะกว่าจะให้ผลตอบแทนก็ช้า แต่หากเลือก BDMS เป็นหุ้นตัวแรก และเน้นลงทุนในระยะกลางถึงยาว ก็ยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจอยู่”