ราคาหุ้น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ปรับตัวลงหลายวันแล้ว และทรุดหนักตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา เพราะถูกนักลงทุนถล่มขาย หลังจากมีข่าว ถูกเรียกให้นำส่งรายได้จากค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และถูกคณะกรรมการอนุญาโตตุลาการมีคำสั่งชี้ขาดให้ชำระค่าผิดสัญญาการให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง รวมประมาณ 80,000 ล้านบาท
ราคาหุ้น TRUE ปิดล่าสุด 6 กันยายนที่ 5.85 บาท/หุ้น โดยโบรกเกอร์แนะนำให้ชะลอการลงทุน จนกว่าจะมี ความชัดเจนในข้อพิพาทสัมปทาน
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติเรียกให้ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย TRUE ต้องนำส่งรายได้การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ความถี่ 1,800 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 3,381.95 ล้านบาท ซึ่ง TRUE ไม่เห็นด้วยกับมติ กสทช. และอยู่ระหว่างเตรียมการต่อสู้
ขณะที่อนุญาโตตุลาการ ชี้ขาดว่า TRUE ละเมิดข้อตกลงในสัญญาร่วมการเงินและร่วมลงทุนขยายบริการโทรศัพท์ โดย ต้องจ่ายให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) รวมเป็นเงินประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาท ซึ่ง TRUE ไม่เห็นด้วย และจะต่อสู้ทางกฎหมาย โดยยื่นคำร้องต่อศาล
ฝ่ายบริหาร TRUE ระบุว่า คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ จะไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด ฐานะทางการเงินและความสามารถชำระหนี้ของบริษัท เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด และไม่มีผลกระทบกับการตั้งสำรองในงบการเงิน
แม้มติของ กสทช. และคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ จะยังไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท ฯ แต่ราคาหุ้นได้ซึมซับรับข่าวไปล่วงหน้าแล้ว เพราะไม่มีใครมั่นใจว่า ข้อยุติในข้อพิพาทเรื่องสัมปทานทั้งสองกรณีจะจบลงอย่างไร
ถ้าในที่สุด TRUE ต้องชำระค่าผิดสัญญา จะส่งผลกระทบต่อฐานะและการดำเนินงานอย่างรุนแรง นักลงทุนจึงเลือกที่จะลดความเสี่ยง ระบายหุ้น TRUE ออกไปก่อน
TRUE เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2536 หลังนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนในราคา 55 บาท จากราคาพาร์ 10 บาท แต่ราคาปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยรอบ 12 เดือน ราคาเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 8.05 บาท/หุ้น ต่ำสุดที่ 5.25 บาท ก่อนจะแกว่งตัวในกรอบแคบระดับ 6 บาทเศษมาพักใหญ่ กระทั่งมีข่าวร้ายข้อพิพาทด้านสัมปทาน
แม้จะมี ค่า พี/อี เรโช เพียงประมาณ 13 เท่า แต่ผลประกอบการของ TRUE ยังไม่นิ่งนัก โดยปี 2559 ขาดทุนสุทธิ 2,814.35 ล้านบาท ปี 2560 กำไรสุทธิ 2,322.53 ล้านบาท ส่วน 6 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 9,650.51 ล้านบาท พุ่งขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 2,397 ล้านบาท
TRUE เป็นหุ้นยอดนิยมอันดับต้น ๆ เพราะมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมหาศาล 70,272 คน การขึ้นลงของราคาหุ้น จึงกระทบต่อคนจำนวนเกือบ 1 แสนคน และการถูกสั่งให้ชำระข้อพิพาทสัมปทานคงทำให้ผู้ถือหุ้นทุกคนหวั่นไหวต่ออนาคตหุ้นตัวนี้
เพราะถ้าแพ้คดี ต้องชำระข้อพิพาท ฐานะการเงินและการดำเนินงานของบริษัท จะถูกกระทบอย่างรุนแรง ซึ่งหุ้นบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BANPU เคยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม บริษัทโบรกเกอร์ยังไม่ได้ปรับลดประมาณการเป้าหมายราคาหุ้น TRUE สักเท่าใด เพราะถือคดียังไม่สิ้นสุด จึงไม่อาจคาดการณ์อะไรได้
TRUE อาจชนะข้อพิพาท อาจแพ้ หรือศาลตัดสินให้ชำระค่าพิพาทสัมปทานไม่สูงเหมือนที่อนุญาโตตุลาการชี้ขาด ทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่รุนแรง
แต่ข้อพิพาทสัมปทานได้กลายเป็นข่าวร้ายที่ปกคลุมหุ้น TRUE ไปแล้ว และนักลงทุนต้องคอยเฝ้าระวังผลกระทบหุ้น TRUE ที่ซื้อขายกันร้อน ๆ อาจต้องซบเซาลง เพราะนักวิเคราะห์หลักทรัพย์แนะนำให้หลีกเลี่ยง หรือชะลอการลงทุนหุ้นตัวนี้ จนกว่าจะมีข้อสรุปชัดเจนด้านข้อพิพาทสัมปทาน
ระยะสั้นต้องถอยห่างจากหุ้น TRUE ชั่วคราว เพราะมีความเสี่ยงค่าปรับสัมปทานเฉียด ๆ แสนล้านบาทที่กำลังปะทุอยู่
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ใน MGR Online เมื่อวันที่ 7 กันยายน ปี พ.ศ 2561
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com