ผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียเวลท์ จำกัด ก่อคดีจนถูกหน่วยงานที่กำกับดูแล สั่งลงโทษติดต่อกัน 2 คดีแล้ว สร้างความเสียหายในเชิงมูลค่าและภาพลักษณ์องค์กร โดยไม่รู้ว่า ผู้ถือหุ้นบริษัทโบรกเกอร์แห่งนี้ พอใจในพฤติกรรมและการบริหารงานของผู้บริหารบริษัท ฯ หรือไม่
ผู้ถือหุ้นใหญ่ “เอเชียเวลท์” หลัก ๆ คือ กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ซึ่งถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 27.20 % ของทุนจดทะเบียน รองลงมาคือ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRU ของกลุ่มเผอิญโชค โดยถือในสัดส่วน 20 % ของทุนจดทะเบียน
ผู้ถือหุ้นทั้งหมดของ “เอเชียเวลท์” ไม่น่าจะชื่นชมกับการบริหารงานของคณะผู้บริหารบริษัทชุดนี้ เพราะตั้งแต่เปิดกิจการเมื่อประมาณปี 2556 ไม่เคยสร้างผลกำไร แต่กลับขาดทุนตลอด
ปี 2557 มีผลขาดทุน 39.6 ล้านบาท ปี 2558 ขาดทุน 38.2 ล้านบาท ปี 2559 ขาดทุน 87.4 ล้านบาท และ 6 เดือนแรกปี 2561 ขาดทุนแล้ว 14.7 ล้านบาท
ถ้าดูอย่างผิวเผินจากภาพภายนอก บล.เอเชียเวลท์ คือโบรกเกอร์ใหญ่ ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายหุ้นสูงสุด ส่วนแบ่งการตลาด หรือมาร์เก็ตแชร์เกือบ 6 % ของมูลค่า
อัตราค่านายหน้าซื้อขายหุ้นที่ บล.เอเชียเวลท์ คิดจากลูกค้า เฉลี่ย 0.027 % หรือ 270 บาท ต่อมูลค่าการซื้อขายหุ้น 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราค่านายหน้าต่ำสุดในระบบ รองจากบริษัทหลักทรัพย์ Z COM ซึ่งคิดค่านายหน้าเฉลี่ยเพียง 0.022 % หรือ 220 บาทต่อมูลค่าการซื้อขายหุ้น 1 ล้านบาท
ผลขาดทุนต่อเนื่อง ทำให้ผู้ถือหุ้น บล.เอเชียเวลท์ บางกลุ่มถอดใจ ต้องการขายหุ้นทิ้ง ซึ่งมีนักลงทุนกลุ่มใหม่สนใจเพราะเห็นว่า เป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าการซื้อขายหุ้นสูง แต่เมื่อตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับรายได้ค่านายหน้าแล้ว ต้องถอยร่นกลับออกไป
ไม่เพียงแต่ผลประกอบการเท่านั้นที่ล้มเหลว แต่ภาพลักษณ์องค์กร “เอเชียเวลท์” ก็แทบล้มละลาย ภายใต้คณะผู้บริหารบริหารชุดปัจจุบัน ซึ่งเปิดศึกท้ารบไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ ตลท. หรือแม้คนในแวดวงธุรกิจหลักทรัพย์ด้วยกัน
และลามปามไปถึงการกระทำที่เข้าข่ายคุกคาม แทรกแซง ลิดรอนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน โดยใช้อำนาจในฐานะผู้ให้การสนับสนุนโฆษณา ต่อรองและกดดัน ให้สำนักข่าวที่เสนอข่าวสารการลงทุน ถอดคอลัมน์ผู้เขียนที่วิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของตัวเอง ซึ่งเป็นกระทำที่เป็นภัยต่อสังคม
เป็นเพียงโบรกเกอร์ มีงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ปีละไม่เท่าไหร่ กลับแสดงพฤติการณ์การใช้อำนาจบาตรใหญ่ มีจิตใจเหมือน เผด็จการ คุกคามแทรกแซงสื่อ
ถ้าเติบโตเป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ มีงบโฆษณาปีละนับพันล้านบาท ผู้บริหาร บล.เอเชียเวลท์ คงเหิมเกริม คุกคาม แทรกแซงและปิดกั้นการนำเสนอของสื่อ ทำลายความน่าเชื่อถือวิชาชีพสื่อ จนย่อยยับไปด้วย
ความจริงคอลัมน์วิพากษ์ บล.เอเชียเวลท์ ที่เขียนลงใน "ผู้จัดการ 360 องศา" ถ้าผู้บริหารบล.เอเชียเวลท์ ไม่ถูกใจ เห็นว่าไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม มีทางเลือกในการแก้ปัญหาอยู่ถึง 3 แนวทางคือ อยู่เฉย ๆ และยอมเก็บความคับข้องใจไว้
หรือติดต่อขอชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อแก้ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของสื่อ และจะฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อปกป้องสิทธิของตัวเองที่ถูกละเมิด ย่อมสามารถทำได้ ซึ่งทุกวันนี้สื่อแต่ละสำนักมีคดีถูกฟ้องร้องเต็มโรงเต็มศาลอยู่แล้ว
คอลัมน์ที่เขียนอยู่ในสื่อเครือผู้จัดการ 360 องศา มีคดีถูกฟ้องร้องอยู่หลายคดี ทั้งคดีถูก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ฟ้องร้อง คดีนายวัน อยู่บำรุงฟ้อง และ ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนบางแห่งฟ้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ เพราะถือว่าสู้กันบนโต๊ะ ในที่แจ้ง ตามกระบวนการยุติธรรม
ผู้ที่ถูกสื่อเขียนพาดพิง ย่อมมีสิทธิ์ปกป้องตัวเองตามรัฐธรรมนูญ เมื่อคิดว่าถูกละเมิด
แต่สิ่งที่สังคมยอมรับไม่ได้คือ วิธีการดิบ ๆ เถื่อน ๆ นอกกฎหมาย นอกกติกา นอกระบบ การใช้อำนาจอิทธิพล รวมทั้งอำนาจเงิน คุกคาม แทรกแซง และลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอ
เช่นเดียวกับพฤติกรรมของผู้บริหาร บล.เอเชียเวลท์ ที่สำคัญผิด คิดว่าเศษเงินเพียงเดือนละไม่กี่หมื่นบาท ที่จัดมาเป็นงบโฆษณาสนับสนุนสื่อ จะใช้เป็นเครื่องมือกดหัวสื่อทุกคนได้
แม้จะรู้สึกเห็นใจในความคิดที่ไม่ปกติของผู้บริหาร บล.เอเชียเวลท์ แต่พฤติกรรมการคุกคาม แทรกแซงและปิดกั้น การนำเสนอของสื่อมวลชน เป็นพฤติกรรมที่อันตรายต่อสังคม และถ้าปล่อยให้คนที่มีพฤติกรรมไม่ดีเติบโต มีอำนาจเงินและมีบทบาทมากขึ้น สังคมจะตกต่ำ วุ่นวาย ไร้กติกา วิชาชีพสื่อจะถูกย่ำยีจนไม่เหลือศักดิ์ศรีและอิสรภาพในการนำเสนอ
พฤติกรรมการใช้อำนาจมืดคุกคามแทรกแซงสื่อของผู้บริหาร บล.เอเชียเวลท์ อยู่ในข่ายที่จะส่งเรื่องให้สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ พิจารณาด้านจริยธรรม และส่งเรื่องให้สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติพิจารณาประณาม
แต่สังคมมีปัญหาวุ่นวายจากคนไร้สติมากเกินพอแล้ว พฤติกรรมของผู้บริหาร บล.เอเชียเวลท์ ขอปล่อยให้คนในแวดวงธุรกิจหลักทรัพย์ตัดสินชะตากรรม
คนที่สร้างความเสื่อมเสียให้เพื่อนร่วมวิชาชีพ คนที่ใช้วิธีการสกปรกทำลายหลักการในวิชาชีพสื่อ สังคมจะยอมให้คนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีมีที่ยืนหรือ
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ใน MGR Online เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com