ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดรายชื่อ 7 บริษัทในตลาดหุ้นรับผลบวก เมื่อไทยเจรจา “การค้าเสรี” กับยูเออี

โดย light
เผยแพร่ :
235 views

เปิดรายชื่อ 7 บริษัทในตลาดหุ้นรับผลบวก

เมื่อไทยเจรจา “การค้าเสรี” กับยูเออี

.

เมื่อไทยและสหรัฐฯอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ได้ร่วมกันประกาศเริ่มการเจรจาจัดทำการค้าเสรี (FTA) ระหว่างกัน ซึ่งจะเริ่มต้นการเจรจาในวันที่ 16-18 พ.ค. โดย UAE เป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเป็นครั้งแรกที่ดูไบ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน

.

จากประเด็นดังกล่าว เป็นผลดีต่อภาพรวมการส่งออกของไทย โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ประเด็นไทยและสหรัฐฯอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประกาศเริ่มจัดทำ FTA ระหว่างกัน โดยจะเริ่มต้นเจรจาวันที่ 16-18 พ.ค. 66 และดำเนินการให้เสร็จใน 6 เดือน

.

ทั้งนี้ภาครัฐฯประเมินผลบวก 1.ช่วยเปิดประตูการค้าไปยังอีก 5 ประเทศแถบอาหรับ (ซาอุฯ บาห์เรน โอมาน กาตาร์ คูเวต) และ 2.คาดช่วยเพิ่มยอดส่งออกไป UAE ประเมิน 7 หมื่นล้านบาทภายใน 1 ปี โดยสินค้าที่ได้ประโยชน์หลัก คือ อาหาร อาหารทะเลกระป๋อง แปรรูป สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ส่วนภาคบริการลุ้นท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

.

มองเป็นตัวช่วยการฟื้นตัวภาคส่งออกไทยระยะถัดไป และเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่มีสินค้าและบริการดังกล่าว อาทิ TU, ASIAN, STA, STGT, BDMS, BH, BCH

.

[สำรวจปัจจัยพื้นหุ้น 7 หุ้นรับผลบวก]

TU นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรปกติในไตรมาส 2/66 เบื้องต้นที่ 1.3 – 1.4 พันล้านบาท ฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาก่อน จากปริมาณออเดอร์ที่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตามประเมินว่ายังชะลอลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาต้นทุนที่จะยังอยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อน

.

ทั้งนี้บริษัทมีการปรับเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 2566 ลงเป็น 3-4% (จากเดิม 4-5% ) จากการปรับสมมติฐานค่าเงินลง และคงเป้า GPM และ SG&A/Sales ที่ 17.5 - 18.0% และ 11.0 - 12.0% ตามลำดับ ซึ่งยังสูงกว่าประมาณการกำไรของฝ่ายวิจัย สะท้อนว่าประมาณการยัง Conservative เทียบกับเป้าของบริษัท

.

โดยทำให้ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 6,194 ล้านบาท ลดลง 14% จากปีก่อน ซึ่งคาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรเมื่อเทียบรายไตรมาสได้ต่อเนื่องในไตรมาส 2-3/66 คงราคาเป้าหมายที่ 17 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” เชิงกลยุทธ์ในระยะสั้นยังขาดประเด็นบวกหนุนจึงยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน

ASIAN ยังไม่ฟื้นในไตรมาส 2

ASIAN นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า ไตรมาส 2/66 ยังฟื้นตัวไม่เร็ว แม้ว่าแนวโน้มอาหารสัตว์เลี้ยงจะค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวบ้าง แต่คาดว่ายอดขายสินค้ามูลค่าเพิ่ม (VAP) ที่ปกติจะมีอัตรากำไรสูงกว่าอาหารสัตว์เลี้ยงยังฟื้นตัวไม่เร็วในไตรมาส 2/66

.

โดยทำให้ภาพรวมคาดว่าการฟื้นตัวยังไม่เกิดขึ้นเร็วในไตรมาส 2/66 และการฟื้นตัวของผลประกอบการคาดว่าหากจะเกิดขึ้น จะอยู่ในครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจของคู่ค้าอย่างสหรัฐและยุโรปที่เป็นรายได้หลักของบริษัท การ ประเมินราคาพื้นฐานปี 23 ที่ 9.92 บาท ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก “ซื้อ”

.

STA กลุ่มถุงมือยางอ่อนตัว

STA นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด แนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 22 บาท โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566-2567 ที่ 3.6 พันล้านบาท และ 3.2 พันล้านบาท จากการจากคาดการณ์รายได้ที่ 1.01 แสนล้านบาท และ 1.08 แสนล้านบาท ตามลำดับ

.

ทั้งนี้รายได้จากกลุ่มถุงมือยางอ่อนตัวลงต่อเนื่อง หลังจาก supply ในตลาดสูงขึ้นและมีการแข่งขันด้านราคา ส่งผลให้มี ASP อ่อนตัวลง ขณะที่รายได้จากยางธรรมชาติ คาดว่าจะยังมีปริมาณการขายที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ 2.0 ล้านตัน จาก Demand ที่ย้ายมาจากอินโดนีเซีย และคาดราคายางธรรมชาติจะมีการฟื้นตัวจาก Demand ที่สูงขึ้นจากจีนและกลุ่มผู้ผลิตยางล้อกลุ่ม Non-China โดยคาดว่า ASP ช่วงปี 2566 ของยางธรรมชาติจะอยู่ที่ 140-160 c/kg

.

STGT กำไรจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3

STGT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 11 บาท โดยแนวโน้มไตรมาส 2/66 คาดกำไรสุทธิดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณขาย/ราคาถุงมือ/GPM ค่อยๆดีขึ้น แต่ยังลดจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

ทั้งนี้คาดจะเห็นกำไรสุทธิเพิ่มในไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า (ปริมาณขาย/ราคาถุงมือ/GPM ดีขึ้น) แต่การฟื้นนี้ยังไม่สูงมากจึงคาดกำไรสุทธิยังไม่เด่นคือลดลง 33% ในปี 66 ก่อนจะเติบโต 41% ในปี 67 จากความต้องการและราคาถุงมือเติบโต

.

BDMS ปัจจัยหนุนชาวจีนและซาอุฯ

BDMS นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท โดยภาพรวมทั้งปี 66 คาดรายได้โต 7% ใกล้เคียงเป้าของผู้บริหาร และคาดกำไรโต 7% จากปีก่อน อาจมี upside ปัจจัยหนุนคือผู้ป่วยชาวจีนและซาอุดิอาระเบียและ EBITDA Margin ที่มีโอกาสทำได้ดีกว่าคาด และเป็นแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

.

BH ไตรมาส 2 ไม่น่าตื่นเต้น

BH นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 250 บาท โดยมองว่าไตรมาส 2/66 แนวโน้มผลประกอบการที่ไม่ตื่นเต้น คือ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จะลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มตะวันออกกลางลดลงช่วงฤดูถือศีลอด ซึ่งกระทบ GM ด้วย

.

ส่วน PER ปี 66 ปัจจุบันอยู่ที่ 34.9 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 14% (ขณะที่ปัจจัยกระตุ้นที่ตื่นเต้นเพื่อเล่นบน Premium Valuation เริ่มลดลงแล้ว) รวมทั้งมองว่าปัจจัยบวกใหม่ยังต้องรอพิสูจน์ เช่น ตลาดต่างชาติขยายตัวไปมากกว่าคาด การแข่งขันที่ลดลง หรือการควบคุมค่ามช้จ่ายดีขึ้น ขณะที่ก็มีปัจจัยลบที่อาจเกิดขึ้น เช่น Margin กลับสู่ปกติ การแข่งขันด้านบุคลากรกลับอีกครั้ง และแรงกดดันจากแผนการเปิดโรงพยาบาลใหม่ในภูเก็ตไตรมาส 4/66

.

BCH ครึ่งปีหลังฟื้นตัว

BCH นักวิเคราะห์บริษัทหยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ ซื้อ มูลค่าพื้นฐาน 25.80 บาท แม้คาดผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 66 จะชะลอตัวจากฐานสูง แต่มองว่าตลาดได้รับรู้ไปแล้ว ขณะที่ครึ่งหลังของปี 66 คาดว่าผลประกอบการจะพลิกกลับมาเติบโตเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอีกครั้ง ซึ่งรับผลบวกจากการปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคม ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานจากเดิม 23.70 บาท เป็น 25.80 บาท

 

 


light