คําว่า " สิ่งที่สวยหรู " นั้นผู้โพสต์หมายถึงสิ่งที่ผู้คนมักจะ " หลงใหล เคลิบเคลิ้ม และให้ความสําคัญ " ทั้งๆที่โดยข้อเท็จจริงแล้ว เป็นสิ่งที่ทําไม่ได้ ยกตัวอย่าง ดังนี้ คือ :
1) " ระบบสังคมนิยม " เป็นระบบที่ทําให้คนเท่าเทียมกัน แต่ในที่สุดแล้วก็ทําไม่ได้ เช่นความล้มเหลวของระบบนี้ในอดีตสหภาพโซเวียต และจีน เป็นต้น
2) " สิ่งแวดล้อม " เป็นสิ่งที่สวยงาม แต่กินไม่ได้ เช่นการประท้วงของกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองในฝรั่งเศษในการขึ้นภาษีนํ้ามันเพื่อนํามาทํานโยบายสิ่งแวดล้อมที่สวยหรูของประธานาธิบดีมาครง ของฝรั่งเศษ และสุดท้ายก็ยอมแพ้และยกเลิกไป เป็นต้น
3) ในแง่การลงทุนก็เหมือนกัน นอกจากการลงทุนแบบที่นักวิแคระฯกล่าวถึงกันอยู่บ่อยๆ เช่น " บลูชิพ " บ้าง " พื้นฐาน " บ้าง " Value " บ้าง และ " Growth " บ้าง เป็นต้น ตามการลงทุนแบบกระแสหลักตามหลักการของ Benjamin Graham, Warren Buffett และ Philip A. Fisher ที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีเท่านั้น แต่การ Long Derivetives ในสภาวะตลาดกระทิง และการ Short Derivatives ในสภาวะตลาดหมี ตามกระแสรองตามหลักการของ George Soros และ Jim Rogers ก็ให้ผลตอบแทนที่ดี เช่นเดียวกัน และเผลอๆ อาจจะให้ผลตอบแทนที่มากกว่าด้วยซํ้าไป โดยจะยกตัวอย่างดังนี้ :
1) Set Index = -10.07%
2) PTT = -19.33%
3) AOT = -12.22%
4) CPALL = -14.44%
5) ADVANC = -11.16%
6) SCC = -13.26%
7) PTTEP = -13.20%
8) KBANK = -22.05%
9) SCB = -20.62%
10) BBL = -2.30%
11) PTTGC = -32.86%
ส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น STEC และ การ Long S50M19 = +62.22% ในช่วงเวลาเดียวกัน
และ ถ้าจะเปรียบเทียบกับพอร์ตของ ดร.นิเวศน์ ซึ่งเป็นนักลงทุนแนว Value และ Growth ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย ก็ปรากฏผลดังนี้ คือ :
1) ปี พ.ศ 2561 :
1.1) พอร์ตของ ดร. นิเวศน์ = -9.90%
1.2) การลงทุนในหุ้น STEC = +19.30%
2) ปี พ.ศ 2562 :
2.1) พอร์ตของ ดร. นิเวศน์ = +12% ( โดยใช้ตัวแทนคือหุ้น CPALL )
2.2) การลงทุนในหุ้น STEC และ Long S50M19 = +42.92%
หมายเหตุ : 1) เป็นข้อมูลตั้งแต่ปี พ.ศ 2561 ถึงวันที่ 12 เมษายน ปี พ.ศ 2562
2) โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Index Futures ในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com