การลงทุนในตลาดหุ้น ทุกคนต่างแสวงหาความสำเร็จ หรือแม้แต่มองหา “สูตรสำเร็จ” ที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุน สำหรับผมแล้วมีสองสิ่งใหญ่ ๆ ที่อาจทำให้คนเล่นหุ้นเข้าใจไม่ตรงกัน สองสิ่งนั้นก็คือ การมองหา “วิธีการ” หรือ “ทัศนะคติ”
คนที่มองหาวิธีการ ก็เหมือนคนมองหาสูตรสำเร็จ ซึ่งวิธีการมีเป็นร้อย เป็นล้านแบบ แต่ละวิธีการล้วนเกิดจากแนวคิดของคนที่ประสบความสำเร็จ เปรียบเสมือน “เงา” ของความสำเร็จ แต่ไม่ใช่ตัวความสำเร็จที่แท้จริง
คนที่มองหาวิธีการที่จะประสบความสำเร็จ ก็คล้าย ๆ กับคนที่ถามหาวิธีการกับเซียน ซึ่งเมื่อได้รับวิธีการไปแล้ว เอาไปทำตาม ก็อาจจะประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลวก็ได้ นั่นเป็นเพราะคุณได้แต่วิธีการ แต่ยังไม่มีแนวคิด หรือ “ทัศนะคติ” ในการลงทุนที่ถูกต้องนั่นเอง … เรามาดูกันดีกว่าว่าแนวคิดใดบ้างที่ควรปรับไปใช้ เอาไว้เป็นพื้นฐานในใจของนักลงทุนให้ประสบความสำเร็จ ไปดูกันเลย …
แนวคิดแรก “คิดจะลงทุนหุ้นดีมีอนาคต เพื่อเกษียณในระยะยาว”
การลงทุนหุ้นดี ๆ และคิดที่จะลงทุนยาว ๆ จะทำให้สภาพจิตใจของคน ๆ นั้น “เย็น” และสงบ หากคนเรามีจิตใจที่เยือกเย็น และสงบแล้วก็จะทำการณ์ใหญ่ได้สำเร็จ …
อย่างไรก็ตาม คนที่คิดจะลงทุนระยะสั้น ๆ เพื่อหวังผลกำไร ก็ไม่ได้ผิดอะไรนะครับ เพียงแต่นั่นเป็นงานที่ยาก สิ่งที่ยากก็คือ …”คุณต้องต่อสู้กับความโลภในใจของคุณเอง” และนั่นเป็นเรื่อง “ยากมาก” คนที่บอกว่าเอาชนะความโลภได้นั้น เขาอาจถูกความโลภครอบงำจิตใจไปแล้วโดยไม่รู้ตัวก็ได้
การคิดจะลงทุนระยะยาวในหุ้นที่ดี เป็นการมองเกมยาว สายตาของนักลงทุนแบบนี้จะยาวไกล และมีจิตใจที่สงบกว่า ตัดเอาศัตรูที่แสนจะร้ายกาจออกจากใจไป นั่นก็คือ “ความโลภ” นั่นเองครับ
แนวคิดที่สอง “คาดหวังให้น้อย ทำงานให้มาก”
“ความคาดหวัง” เป็นเหมือนดาบที่จะทิ่มแทงนักลงทุนยามที่มันไม่เป็นดังหวัง … หลายคนซื้อหุ้นแล้วหวังว่ามันจะขึ้น แต่มันกลับไม่ขึ้น ก็จะเจ็บปวด (ในขณะที่เห็นหุ้นของเพื่อนคุณวิ่ง ! ) … บางครั้งนอกจากมันไม่ขึ้นแล้ว มันกลับตกลงไปอีก ยิ่งช้ำใจเข้าไปใหญ่ และนั่นคือผลกระทบของความคาดหวังในใจของเราเอง
นักลงทุนที่ดีมีประสบการณ์ จะคาดหวังน้อย แต่จะทำงานหนัก คือ ก่อนที่จะตกลงปลงใจกับหุ้นตัวใดตัวหนึ่งเขาจะทำงานอย่างหนัก และเมื่อตกลงปลงใจซื้อหุ้นแล้ว ก็จะคาดหวังน้อย ปล่อยให้มันเป็นไป ปล่อยให้กิจการที่ดี มีทีมบริหารมืออาชีพทำงานของเขาไป หากมีเงินปันผล ก็รับเงินปันผลมาใช้ ถ้าไม่มีเหตุต้องใช้ และราคาหุ้นยังไม่สูงเกินไป นักลงทุนเหล่านั้นก็จะซื้อหุ้นตัวเดิมเพิ่มเติมเข้าไปอีกต่างหาก
การคาดหวังน้อย แต่ทำงานหนัก (ในตอนแรก) จะช่วยให้การลงทุนดีขึ้นอย่างมาก ผมเองก่อนจะซื้อหุ้นต้องทำงานหนัก ต้องดูว่ากิจการเติบโตหรือไม่ มีหนี้เยอะหรือเปล่า จะหาเงินทุนอย่างไร จะคุ้มทุนเมื่อไหร่ และที่สำคัญผู้บริหารมีความจริงใจมากน้อยแค่ไหน หากเรามั่นใจแล้ว… ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
แนวคิดที่สาม “ใช้ความเรียบง่าย เอาชนะความซับซ้อน”
แนวคิดนี้เหมือนจะง่าย แต่ทำจริงยากมาก ๆ … ยกตัวอย่างง่าย ๆ หากคุณซื้อหุ้น CPALL เมื่อสิบปีที่แล้วและถือเอาไว้เฉย ๆ คุณใช้เงิน สามแสนบาท ซื้อเมื่อสิบปีที่แล้วได้ราวแสนหุ้น ทิ้งไว้สิบปีต่อมาเงินสามแสนก้อนนั้นกลายเป็นเงิน 7 ล้านกว่าบาทในปัจจุบันแล้วครับ (ปี 2560)
สิ่งที่กล่าวไว้ข้างต้นคือ … สิ่งที่เรียบง่ายที่สุด คือ ซื้อ และถือ เป็นกลยุทธ์ Buy & Hold ที่สามารถเอาชนะทุกกลยุทธ์ที่แสนจะซับซ้อนที่มีคนคิดค้นหาทางเอาชนะตลาดหุ้น แต่กลับพ่ายแพ้กลับไปไม่เป็นท่า
เชื่อผมเถอะครับว่า … สิ่งที่คุณคิดว่าง่ายมันไม่ได้ง่ายเลย แต่สิ่งที่คุณคิดว่ายาก มันกลับง่ายกว่าที่คิดมาก ๆ การลงทุนหุ้นนั้น เราไม่ต้องเป็นคนเก่งมาก แต่ต้องเก่งพอตัวที่จะซื้อหุ้นที่ดีมีอนาคต มีสายตาที่แหลมคมพอจะซื้อ และถือ เติบโตไปกับหุ้นดี ๆ ที่สำคัญต้องมีจิตใจที่หนักแน่นดั่งหินผา … ผมเชื่อว่าคุณทำได้ … ลองดูนะครับ