ห้องเม่าปีกเหล็ก

CRC ลงทุนซื้อห้างที่อังกฤษ

โดย Rubio
เผยแพร่ :
62 views

กลุ่มเซ็นทรัล-ซิกน่า เข้าซื้อห้าง"เซลฟริดเจส" เปิดทาง CRC เข้าลงทุน

กลุ่มเซ็นทรัล ผนึก ซิกน่า เข้าซื้อกิจการกลุ่มห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจส รวม 18 แห่ง อสังหาริมทรัพย์ 7 แห่ง และดิจิทัลแพลตฟอร์มทั้งหมด ด้าน CRC มีสิทธิพิจารณาเข้าลงทุน ในห้างสรรพสินค้า ยันดำเนินการรอบคอบเหมาะสม

  นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า จากรณีที่มีข่าวเรื่อง Central Group และ Signa Holding เข้าลงนามในสัญญาซื้อกิจการ Selfridges Group ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าในอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และไอร์แลนด์ โดย Central Group บริษัท ห้างเซ็นทรัล ดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด (HCDS) ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ฟอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เป็นผู้เข้าลงนามในสัญญานั้น

  บริษัทขอแจ้งว่า ได้รับแจ้งจาก HCDS ถึงโอกาสการลงทุนในธุรกิจห้างสรรพสินค้าใน Selfridges Group นี้ ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในข้อตกลงที่ HCDS ให้ไว้ใน Flagship Company Letter of Undertakings ระหว่าง บริษัท กับ HCDS (Flagship Udertaking Letter) ที่ได้เปิดเผยไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหุ้นสามัญเป็นครั้งแรกของบริษัท

  อย่างไรก็ตาม ภายใต้ Flagship Udertaking Letter บริษัทมีสิทธิเข้าลงทุนใน Selfridges Group ได้ก่อนวันที่การเข้าลงทุนดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ หรือหากบริษัทตัดสินใจไม่เข้าลงทุนในครั้งนี้ และ HCDS ได้เข้าลงทุนใน Selfridges Group บริษัทยังคงสามารถเข้าซื้อธุรกิจต่อจาก HCDS ได้ภายใน 90 วันนับจากวันที่ HCDS เข้าลงทุนเสร็จสมบูรณ์ในราคาตามที่ตกลงกันใน Flagship Udertaking Letter

  ทั้งนี้ บริษัท จะดำเนินการพิจารณาความเหมาะสมและผลตอบแทนการลงทุนอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของบริษัทว่าจะเข้าลงทุนในธุรกิจห้างสรรพสินค้า Selfridges Group ที่ไม่รวมส่วนของอสังหาริมทรัพย์ (ลงทุนใน Operating Companis) หรือไม่ ทั้งนี้หากบริษัทตัดสินใจที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนและกฎเกณฑ์ระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป

  นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า สำหรับสัญญาซื้อขายเพื่อเข้าซื้อกิจการของกลุ่ม กลุ่มเซลฟริดเจส จากตระกูลเวสตัน ซึ่งประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้ารวมทั้งหมด 18 แห่ง เช่น ห้างสรรพสินค้า เซลฟริดเจส (Selfridges) บนถนนออกซ์ฟอร์ด ในกรุงลอนดอน, แมนเชสเตอร์ และเบอร์มิ่งแฮม ประเทศอังกฤษ, ห้างสรรพสินค้าดี แบนคอร์ฟ (de Bijenkorf) ประเทศ เนเธอร์แลนด์, ห้างสรรพสินค้า บราวน์ โทมัส (Brown Thomas) และ อาร์นอตส์ (Arnotts) ประเทศไอร์แลนด์ โดยการร่วมทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนทั้งในธุรกิจห้างสรรพสินค้า อสังหาริมทรัพย์ และกิจการด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั้งหมดอีกด้วย

  กลุ่มเซลฟริดเจส จะเข้ามาเสริมทัพห้างสรรพสินค้าหรูในประเทศท่องเที่ยวชั้นนำ ที่กลุ่มเซ็นทรัล และซิกน่าดำเนินธุรกิจอยู่ อาทิ รีนาเชนเต ประเทศอิตาลี, อิลลุม ประเทศเดนมาร์ก, โกลบุส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, กลุ่มคาเดเว ประเทศเยอรมนี และประเทศออสเตรีย หลังจากการรวมธุรกิจใหม่นี้ จะทำให้กลุ่มบริษัทมีเติบโตถึง 7,000 ล้านยูโรได้ในปี 67 จาก 8 ประเทศ และ 35 เมืองสำคัญในยุโรป

  สำหรับการผนึกกำลังครั้งนี้ จะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ นวัตกรรม และส่งเสริมความสัมพันธ์ของแบรนด์ชั้นนำในทุกโลเคชั่นทั่วโลกให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาเพื่อมุ่งหน้าสู่การเป็นผู้นำห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ออมนิแชแนลเต็มรูปแบบระดับโลก

  โดยการลงทุนในกลุ่มเซลฟริดเจสครั้งนี้ จะเป็นการร่วมทุน 50/50 ระหว่างกลุ่มเซ็นทรัลกับซิกน่า โดยกลุ่มเซ็นทรัลนั้น CRC มีสิทธิพิจารณาเข้าลงทุน ในส่วนธุรกิจห้างสรรพสินค้า ที่ไม่รวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคณะผู้บริหารและกรรมการบริษัท CRC จะดำเนินการศึกษา พิจารณาความเหมาะสมและผลตอบแทนการลงทุนอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่ อย่างไรก็ดี กลุ่มเซ็นทรัลมีความพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปในการลงทุนทั้งหมด

  นายทศ กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลรู้สึกตื่นเต้น และเป็นเกียรติ ที่ได้มีโอกาสลงทุนในกลุ่มเซลฟริดเจสในครั้งนี้ ซึ่งรวมไปถึงที่ดินและอาคารห้างเซลฟริดเจสบนถนนออกซ์ฟอร์ด ซึ่งตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางบนถนนช้อปปิ้ง ณ กรุงลอนดอน มากว่า 100 ปี ด้วยความที่กลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่าเป็นธุรกิจครอบครัว เราจึงมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมและแตกต่าง ทั้งภายในห้างและช่องทางดิจิทัลต่างๆ สำหรับลูกค้าทั้งที่อยู่ในประเทศและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปของกลุ่มเซลฟริดเจส ในอีก 100 ปีข้างหน้า

  ดีเทอร์ เบอร์นิงเฮาส์ (Dieter Berninghaus), ประธานและคณะกรรมการบริหารของกลุ่มซิกน่า กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัลในการเข้าซื้อกิจการกลุ่มเซลฟริดเจสในครั้งนี้ เราได้วางแผนที่จะทำงานกับนักออกแบบชั้นนำของโลกในการปรับโฉมของห้าง โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมการรักษาไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมดั้งเดิม เติมเต็มวิสัยทัศน์ของ เกเล็น เวสตัน (Galen Weston) ในการสร้างประสบการณ์รีเทลชั้นนำเพื่อลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท

  อลานา เวสตัน (Alannah Weston), ประธานของกลุ่มเซลฟริดเจส กล่าวว่า “การเข้าซื้อกิจการของห้างเซลฟริดเจสโดยกลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่าเป็นสิ่งการันตีถึงความสำเร็จของคุณพ่อ (Galen Weston) ที่มีความตั้งใจในการมุ่งมั่นที่จะทำให้ห้างสรรพสินค้าในกลุ่มเป็นห้างสรรพสินค้าที่สวยและครบครันที่สุด ความคิดสร้างสรรค์เป็นหัวใจของการทำธุรกิจในทุกด้านมาอย่างยาวนาน พร้อมการเติบโตอย่างยั่งยืน พวกเราภูมิใจที่ได้ส่งต่อไปยังเจ้าของใหม่ซึ่งมีรากฐานจากธุรกิจครอบครัวที่มีความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว และพร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งต่อไป”

  สเตฟาโน่ เดลลา วาลเล่ (Stefano Della Valle), ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มเซ็นทรัล ยุโรป กล่าวว่า กลุ่มเซลฟริดเจสเป็นกิจการที่สองที่เราเข้าซื้อในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นในทั้งธุรกิจค้าปลีกในใจกลางเมืองและอนาคตของห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนเมือง กลุ่มเซ็นทรัลเชื่อมั่นว่าเมื่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ชีวิตที่เป็นปกติและการสังสรรค์ต่างๆจะกลับมา กลุ่มเซลฟริดเจสจะเข้ามาเติมเต็มธุรกิจห้างสรรพสินค้าและออมนิแชแนลของกลุ่มเซ็นทรัล และทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง

  แอนน์ พิชเชอร์ (Anne Pitcher), กรรมการผู้จัดการของกลุ่มเซลฟริดเจส กล่าวว่า มีความภาคภูมิใจที่ได้สร้างกลุ่มเซลฟริดเจสให้เป็นธุรกิจห้างชั้นนำแห่งหนึ่งของโลกที่ทันสมัย แปลกใหม่ พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน มีความสัมพันธ์กับคู่ค้าที่แน่นแฟ้นดีเยี่ยม และมีการลงทุนด้านดิจิทัลที่ครบครัน ตลอดเวลากว่า 2 ทศวรรษ ที่ตระกูลเวสตัน (Weston) เป็นเจ้าของกิจการ โดยทั้งหมดจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากทีมงานที่ดีที่ช่วยสร้างและพัฒนาธุรกิจมาร่วมกัน

  ทั้งนี้ กลุ่มเซลฟริดเจสยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมทำงานกับห้างดังในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นรีนาเชนเตประเทศอิตาลี ,อิลลุม ประเทศเดนมาร์ก, โกลบุส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, คาเดเว ประเทศเยอรมนี และประเทศออสเตรีย ถือว่าเป็นโอกาสอันดีในการผนึกกำลังและตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านรีเทลระดับโลกของธุรกิจ

  สำหรัลการเข้าซื้อกิจการกลุ่มเซลฟริดเจสในครั้งนี้ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายหลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และเมื่อทุกฝ่ายได้บรรลุเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในสัญญา


Rubio