การยืนยันการทะลุผ่านเส้นแนวโน้มที่ถูกต้องสมบูรณ์
จนถึงตอนนี้ ได้มีสันนิษฐานว่าการเคลื่อนไหวใดๆ ของราคาออกจากกรอบของรูปแบบราคาที่ถึงจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้มที่สมบูรณ์ได้ (หรือกลับเข้าสู่แนวโน้มเดิม กรณีที่เป็นรูปแบบการรวบรวมกำลัง) และบ่อยครั้งที่พฤติกรรมของราคาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดที่เรียกว่า whipsaws ดังนั้นในการกำหนดเกณฑ์เพื่อลดโอกาสการตีความผิดจึงมีประโยชน์อย่างยิ่ง ในแนวคิดแบบดั้งเดิมถือได้ว่าคุณควรรอให้เส้นราคาเข้ามาในกรอบราคาสัก 3 % ก่อนที่จะสรุปว่ามันเป็นการทะลุผ่านเส้นแนวโน้มที่สมบูรณ์แล้ว กฎนี้จะช่วยกรองการเคลื่อนไหวของราคาที่ชวนให้เข้าใจผิดออกไปได้เป็นจำนวนมากถึงแม้ว่าตัวสัญญาณที่แท้จริงจะยังไม่มาก็ตาม
กฎ 3 % ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 เมื่อช่วงเวลาการถือครองหุ้นของนักลงทุนยาวนานมากและกราฟรายเดือน/รายสัปดาห์ได้รับความนิยมมากกว่ากราฟรายวัน แต่ทุกวันนี้นิยมใช้กราฟระหว่างวันมากกว่า กฎ 3 % จะยังใช้ได้อยู่หรือไม่! ผมไม่ปฏิเสธการใช้กฎ 3 % สำหรับการเคลื่อนไหวของราคาในระยะยาวซึ่งมีความผันผวนมากกว่า แต่แนวทางที่ดีที่สุดคือการใช้วิจารณญาณของตัวเองที่มาจากประสบการณ์ในการตัดสินใจเป็นกรณีไป ที่จริงมันจะง่ายมากถ้ากำหนด % ให้มากกว่าเดิมเพื่อหาการทะลุผ่านเส้นแนวโน้มที่ถูกต้อง แต่น่าเสียดายที่มันยังต้องอาศัยกรอบเวลาเป็นอย่างมากและความผันผวนของราคาหุ้นแต่ละตัวก็ยังไม่มีความแน่นอน
ตัวอย่างเช่น พฤติกรรมราคาหุ้นของบริษัทผลิตไฟฟ้าจะมีเสถียรภาพมากกว่าถ้าเทียบกับราคาหุ้นของบริษัทที่ทำเหมือง ดังนั้นการตั้งกฎการทะลุผ่านเส้นแนวโน้มด้วยเปอร์เซ็นต์เท่ากันก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลนัก สิ่งที่ทำให้ได้การทะลุผ่านเส้นแนวโน้มที่เด็ดขาดและสมบูรณ์และให้ whipsaw ลดลงอย่างมากต้องใช้การตัดสินใจส่วนบุคคลที่มีพื้นฐานมาจากประสบการณ์และการลองผิดลองถูกเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงถือว่าการตัดสินใจเป็นปัจจัยหนึ่งเช่นเดียวกับประเภทของแนวโน้มที่จะต้องตรวจติดตาม, ความผันผวนของราคาหุ้น, ปริมาณการซื้อขาย และลักษณะของโมเมนตัม
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าการทะลุผ่านเส้นแนวโน้มแบบหลอกๆ ที่ตรงนั้น ที่ตรงนี้ จะช่วยสนับสนุนความถูกต้องของแนวรับ/แนวต้าน ได้จริงๆ ตัวอย่างก็เหมือนกับที่พูดว่าจากที่ผมได้ทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่จนสามารถกระโดดจากชั้นใต้ดินจนทะลุผ่านเพดานขึ้นไปถึงชั้นที่หนึ่งได้แล้ว แต่ก็ผ่านไปได้แค่ศีรษะเท่านั้น ส่วนแขนกับมือยังอยู่ที่พื้น โดยทางเทคนิคแล้ว ถือว่าผมขึ้นมาอยู่ที่ชั้นที่หนึ่งได้แล้วแต่ก็ต้องใช้ความพยายามอีกมากที่จะรักษาตำแหน่งนี้ให้ตลอด เว้นแต่ว่าผมจะสามารถขึ้นไปได้ทั้งตัวและได้ยืนอยู่ที่พื้นชั้นที่หนึ่งของอาคารได้จริงๆ แต่โชคร้ายที่ผมกลับลื่นไถลตกกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่ ในสถานการณ์เช่นนี้ "การทะลุผ่านเส้นแนวโน้ม " เหนือแนวต้าน (เพดาน) แบบหลอกๆ ของผมได้ตอกย้ำความสำคัญของแนวต้านนั่น แล้วยังหมายความว่าผมใช้แรงมากมายในการพยายามที่จะขึ้นไปถึงชั้นที่หนึ่งไปจนหมดแล้ว และตอนนี้ผมก็เลยต้องการเวลาเพิ่มขึ้นเพื่อสะสมกำลังพอที่จะกลับขึ้นไปใหม่ ในรูปที่ 6-15 แสดงตัวอย่างการทะลุแนวต้านของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ให้สัญญาณการทะลุผ่านเส้นแนวโน้มแบบ whipsaw
รูปที่ 6-15 ลักษณะการทะลุเส้นแนวโน้มของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ให้สัญญาณแบบ whipsaw
อีกปัจจัยหนึ่งที่สามารถช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นว่าการทะลุผ่านเส้นแนวโน้มนั้นถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ ก็คือการทะลุผ่านเส้นแนวโน้มนั้นควรมีหลายช่วงเวลา ตัวอย่างเช่น คุณอาจสังเกตดูการทะลุผ่านเส้นแนวโน้มที่เด็ดขาดสมบูรณ์จากรูปสี่เหลี่ยมของกราฟรายวันที่ขึ้นไปอย่างมั่นคง แต่ถ้าราคานั้นไม่อาจยืนอยู่เหนือระดับการทะลุผ่านเส้นแนวโน้มได้นานกว่าหนึ่งวันก็แปลว่าสัญญาณนั้นอาจไม่เกิดขึ้นจริง บ่อยครั้งที่เส้นราคาอยู่ในตำแหน่งทางเทคนิคที่ไม่ดีนักหลังจากที่ทะลุแนวโน้มดังกล่าวขึ้นมาได้ เป็นการบ่งชี้ถึง อาการหมดแรงของราคา และ exhaustion moves ก็มักจะตามด้วยแนวโน้มราคาที่แข็งแกร่งในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับที่การทะลุผ่านเส้นแนวโน้ม(แบบหลอกๆ ) แสดงเอาไว้ แต่อย่างน้อยที่สุดเราก็คาดได้ว่าการทะลุแนวต้านแบบ exhaustion จะทำให้ตัวของรูปแบบมีการขยายระยะเวลาการซื้อขายต่อไปอีกจนกว่าโครงสร้างทางเทคนิคจะสามารถจัดกลุ่มใหม่ได้
เมื่อเส้นราคาเคลื่อนหนีห่างจากรูปแบบแสดงว่าเป็นการทะลุผ่านเส้นแนวโน้มที่สมบูรณ์ แต่อะไรจะเกิดขึ้นถ้าราคาย่อตัวกลับเข้าหารูปแบบราคาอีกครั้ง? การทะลุผ่านเส้นแนวโน้มนี้ยังคงถูกต้องหรือไม่? ถ้าไม่ใช่ แล้วจุดไหนที่คุณหยุดเพื่อรอดู
บทความตอนที่ผ่านๆ มาอ่านได้จาก: http://www.chiangmaifx.com/price-patterns.html
www.facebook.com/275391639215535/photos/pcb.1603468543074498/1603467323074620/
------ จบบทความแปล Price Pattern ตอนที่ 19 ,www.chiangmaiFX.com ------