ห้องเม่าปีกเหล็ก

ใช้ CutLoss อย่างไรให้เหมาะสมกับการลงทุนของเรา

โดย สาระพันเทรดดิ้ง
เผยแพร่ :
70 views

ในการลงทุนหนีไม่พ้นที่เราต้องมีทั้งช่วงที่ได้กำไร และช่วงที่ขาดทุน หนึ่งในเทคนิคที่เรามักใช้กันเสมอในขณะที่พอร์ตการลงทุนของเรานั้นกำลังเกิดผลขาดทุนทางตัวเลข แต่ยังถือหุ้นนั้นอยู่ ก็คือการพิจารณาว่าจะ CutLoss ไปก่อนดีหรือไม่...แล้วค่อยพิจารณาสถานะการณ์ใหม่อีกครั้งเมื่อตลาดเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางมากยิ่งขึ้น
 
 
แต่ผมเชื่อว่าอาจมีเพื่อนๆอีกหลายคนที่ CutLoss หุ้นเด็ดของตัวเองที่มั่นใจสุดๆในตอนซื้อ แต่หลังจากนั้นราคาก็ลงมาอย่างหนัก และเมื่อตัดสินใจ CutLoss ออกไป ราคาดันเด้งสวนขึ้นไปทันที...ทำให้เกิดความสับสนว่า สรุปแล้วเราควร CutLoss หรือไม่ควร CutLoss
 
 
ลองมาดูตัวอย่างจากดัชนี SET : TimeFrame : Day กันนะครับ ( ผมขอแปลงค่าดัชนี SET ให้เป็นราคาหน่วยเป็นบาทแทนนะครับ )
 
 
กราฟ SET นี้เป็นกรอบเวลาตั้งแต่ 01/ธค./2017 - 27/กพ./2019
 




จะเห็นว่าถ้าเราซื้อที่จุดสูงสุด คือ วันที่ 27/กพ./2018 เราจะได้ต้นทุนที่ราคา 1852.51 ( ตามกรอบสีฟ้าอ่อนนะครับ )



 
จะเห็นว่าถ้าเราไม่ CutLoss เลยในวันที่ 27/ธค./2018 ราคาดัชนีSET จะลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1546.62 ( ตามกรอบสีฟ้าอ่อนนะครับ )


ถ้าเราแปลงค่าดัชนีSETให้หน่วยเป็นบาท จากต้นทุนซื้อวันที่ 27/กพ./2018 เราจะได้ต้นทุนที่ราคา 1852.51 และถือจนมาถึงวันที่ 27/ธค./2018 ราคาดัชนีSET จะลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1546.62 เท่ากับว่าเงินในพอรืตเราต้องมีเงินมากกว่าเท่าไหร่ ลองมาคำนวณกันดูครับ ( แปลงค่าดัชนี SET เป็นจุดละบาทนะครับ )
1852.51-1546.62 = 305.89 บาทครับ 
 
 
ทีนี้เราลองมาดูกันครับว่าจากเหตุการณ์นี้ ใครบ้างที่จะมีผลกระทบจากการที่ราคาดัชนีจากจุดสูงสุด 1852.51 จุด ลงมาต่ำสุดที่ 1546.62 จุด
กรณีที่ 1. คนที่มีเงินในพอร์ตเพียง 200 บาท แล้วไม่ได้ CutLoss เงินในพอร์ตจะหมดไปก่อนที่ราคาจะลงมาถึง 1546.62 จุด ถือว่าเสียหาจนหมดพอร์ตกันไปเลยครับ

กรณีที่ 2. คนที่มีเงินในพอร์ต 1,000 บาท แล้วไม่ได้ CutLoss เงินในพอร์ตยังคงรักษาระดับไว้ได้ แม้เงินจะลดลงไปถึง 30%กว่าๆในวันที่SETลงไปที่ 1546.62 จุด ที่เหลือคือการพิจารณาสถานะการณ์ในปัจจุบันว่าจะยังคงเชื่อมั่นใน SET อยู่หรือไม่ว่าจะสามารถกลับขึ้นไปทำNewHigh หรือจุดสูงสุดใหม่ได้ที่เหนือกว่า 1852.51 จุด

กรณีที่ 3. คนที่มีเงินในพอร์ต 200 บาท แล้วยอมCutLossไปก่อนที่ 1724.90 จุดจากต้นทุนที่ 1852.51 จุด เท่ากับขาดทุนไปก่อนที่ 1852.51-1724.90=127.61 เงินคงเหลืออยู่ที่ 200-127.61 = 72.39 บาท แล้วมาสามารถซื้อคืนได้ที่จุดต่ำสุด 1546.62 และถือมาจนถึงปัจจุบันที่ 1665.57 เท่ากับได้กำไรกลับคืนมาที่ 1665.57-1546.62 = 118.95 บาท ผลรวมในปัจจุบันนี้ยังคงขาดทุนอยู่นิดหน่อย แต่หากราคาสามารถวิ่งขึ้นไปทำNewHigh หรือจุดสูงสุดใหม่ได้ที่เหนือกว่า 1852.51 จุดก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำมากยิ่งขึ้น
 
 
ยังคงมีอีกหลากหลายกรณีมากๆนะครับในตลาดหุ้น ไม่ว่าหุ้นจะถูกพักการซื้อขาย หรือเอาออกจากตลาด หรือถูกตรวจสอบ หรือได้รับปันผล
แต่จาก 3 กรณีที่ยกตัวอย่างมาเพื่อนๆนักลงทุนเริ่มเห็นแล้วใช่มั้ยครับว่า การ CutLoss นั้นหลักสำคัญคือ เราต้องมองไปที่ความเสี่ยงที่เรายอมรับได้สูงสุดเสียก่อน แล้วค่อยมาดูว่าเงินในพอร์ตของเรารองรับความผันผวนของราคาได้ที่กรอบเท่าไหร่ หรือเราจะมีกระแสเงินสดเป็นบวกนำมาเพิ่มได้หรือไม่ในกรณีที่ตลาดเกิดสิ่งผิดปกติขึ้น เช่น สถานการณ์ที่เราไม่คาดคิด สงคราม การก่อการร้าย โรคระบาด แต่หากสิ่งเลวร้ายต่างๆผ่านพ้นจุดวิกฤตไปได้ แล้วหุ้นที่เราลงทุนนั้นเป็นของดีที่แท้จริง เป็นธุรกิจที่ดี ที่มีการเติบโต ขยายตลาดอยู่อย่างต่อเนื่องโอกาสที่ราคาจะสามารถกลับมานะจุดสูงสุดที่เคยทำได้ก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้เช่นกันครับ
 
 
ทำให้ข้อสรุปของการ CutLoss นั้นขึ้นกับทั้งปัจจัยเรื่องความเสี่ยงสูงสุดที่ยอมรับได้ การออกแบบกลยุทธ์ในการเทรดการลงทุนว่าจังหวะซื้อจะซื้อเมื่อราคาย่อตัว หรือราคาทะลุจุดสูงสุดเดิมขึ้นไปได้ แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน นั้นคือ ต้นทุนที่ได้จะแตกต่างกันไป ซื้อตามเมื่อทะลุโอกาสราคาไปต่อสูงแต่ได้ต้นทุนที่สูงต้องไปขายที่แพงกว่า แต่ซื้อเมื่อย่อตัวได้ต้นทุนที่ต่ำลง แต่อาจเจอต่ำกว่าได้เช่นกัน แต่หากราคากลับตัวขึ้นไปได้ก็จะได้เปรียบเรื่องต้นทุนได้เช่นกัน


สาระพันเทรดดิ้ง