CHASE การจัดเก็บเงินสดที่ดีขึ้นน่าจะคลายความกังวล
คาดการจัดเก็บเงินสดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยใน 3Q23 ราคาหุ้น CHASE ลดลงอย่างมากเมื่อวานนี้ที่ 6% นอกจากภาวะตลาดหุ้นที่อ่อนแอแล้ว เราเชื่อว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้จากความกังวลของนักลงทุนต่อผลการดำเนินงาน 3Q23 จากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงซึ่งกดดันความสามารถในการติดตามหนี้ของ CHASE
อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า CHASE จะยังคงรายงานการจัดเก็บเงินสดที่แข็งแกร่งขึ้น QoQ ใน 3Q23 จากการมีประสิทธิภาพสูงขึ้นจากระบบโทรออกอัตโนมัติที่ติดตั้งใน 2Q23 และพอร์ตหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ดีขึ้นที่ได้มาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราประเมินการจัดเก็บเงินสดใน 3Q23 อยู่ที่ 128 ลบ. เพิ่มขึ้น 4% QoQ และ 45% YoY
การลงทุนใน NPL เป็นไปตามแผน เราประเมินการลงทุนเพิ่มเติมใน NPL อีก 400 ลบ.ใน 3Q23 เทียบกับ 367 ลบ.ในครึ่งแรกของปี 2023 ส่งผลให้เราประมาณการการลงทุน NPL ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2023 ที่ 767 ลบ. หรือประมาณ 77% ของเป้าหมายปี 2023 ที่ 1.0 พันลบ.
เราคาดว่าเงินลงทุนใน NPL ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2023 คิดเป็น 10% ของมูลหนี้ที่เรียกร้องได้ทั้งหมด ซึ่งน้อยกว่าปี 2565 ที่ 21% เราเชื่อว่า CHASE จะสามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุนใน NPL จำนวน 1.0 พันลบ.ในปี 2023
ระบบโทรออกอัตโนมัติเริ่มยกระดับประสิทธิภาพ เรามองว่าการติดตั้งระบบโทรออกอัตโนมัติของ CHASE ใน 2Q23 จะเริ่มยกระดับประสิทธิภาพใน 3Q23 เป็นต้นไป และส่งผลให้ GPM และการจัดเก็บเงินสดสูงขึ้น เราคาดว่า GPM 3Q23 จะเพิ่มขึ้นเป็น 66.1% จาก 64.7% ใน 2Q23 และ 61% ใน 3Q22 ระบบโทรออกอัตโนมัติจะเพิ่มจำนวนการโทรหาลูกค้าต่อพนักงานตั้งแต่ 3Q23 เนื่องจากระบบจะช่วยให้พนักงานสามารถโทรหาลูกค้าหลายรายก่อนส่งให้ทีมเร่งรัดหนี้สินเพื่อเจรจากับลูกค้า ระบบนี้ยังน่าจะลดค่าธรรมเนียมทางกฎหมายสำหรับ CHASE อีกด้วย เนื่องจาก CHASE สามารถเลือกที่จะโทรหาลูกค้าหลายรายเพื่อหาวิธีแก้ไขก่อนที่จะฟ้องร้องลูกค้าเพื่อชำระหนี้
ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” ด้วย Target Price เดิมที่ 2.11 บาท เนื่องจากราคาหุ้นลดลง 21% ในเดือนที่ผ่านมา ทำให้มี upside เพิ่มขึ้นต่อราคาเป้าหมายของเราที่ 14%
