ห้องเม่าปีกเหล็ก

จีนใช้ “ความริเริ่มพัฒนาโลก” สู้ "อินโดแปซิฟิก" ในอาเซียน

โดย ัyoda
เผยแพร่ :
64 views
จีนใช้ “ความริเริ่มพัฒนาโลก”
สู้ "อินโดแปซิฟิก" ในอาเซียน
17พค.65-ข่าวอาเซียน
 
 
 
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า หวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้ร่วมประชุมออนไลน์ กับนายปรัก สุคน รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2565ก่อนที่ผู้นำอาเซียนจะเดินทางไปประชุมสุดยอดกับผู้นำสหรัฐฯ โดยสาระสำคัญ ที่นายหวังอี้ เรียกร้องผ่านการประชุมครั้งนี้คือ
บอกโลกให้ “ฟังเสียงเอเชียให้มากขึ้น” เพราะธรรมาภิบาลของโลก
กำลังเปลี่ยนเข้าสู่ “ช่วงเวลาแห่งเอเชีย”
 
เพราะว่า นับจากเดือนมิถุนายน 2565 เป็นต้นไป เอเชียจะเปิดการประชุมใหญ่ระดับโลก
4 เวที ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ต้องฟังเสียงเอเชีย จากที่ประชุม นั่นคือ
 
1) การประชุม BRICS กลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
จีนเป็นเจ้าภาพ อันประกอบด้วย 5 ชาติ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้
 
2) การประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 กลุ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้บริหารธนาคารกลางจากประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 19 ประเทศ รวมกับสหภาพยุโรป สมาชิกสำคัญคือ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นที่บาหลี วันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2565
 
3) การประชุม เอเปค การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน มีสมาชิก สำคัญคือ สหรัฐอเมริกา จีน และ 10 ชาติอาเซียน
 
4) การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ สมาชิกรวม 18 ประเทศ
สมาชิกหลักคืออาเซียน สหรัฐฯ จีน รัสเซีย
 
ความสำคัญนับจากนี้ในสายตาจีนคือ “โลกกำลังพบกับความท้าทายใหม่”
โดยจีนได้ผลักดันยุทธศาสตร์ใหญ่ 2 เรื่องเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลกคือ
“ความริเริ่มพัฒนาโลก” หรือ Global Development Initiative
“ความริเริ่มความมั่นคงโลก” หรือ Global Security Initiative
ทั้งสองแนวคิดนี้ จะช่วยสร้าง “ระบบธรรมาภิบาลโลกที่เท่าเทียม”
เป็นหลักการที่จะสร้าง ชุมชนของอนาคตของมนุษยชาติ
หัวใจของ “ความริเริ่มพัฒนาโลก” มีแนวคิดสำคัญคือ
 
- ยึดการพัฒนาที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง
 
- ทุกฝ่ายต้องได้ประโยชน์
 
- เน้นการพัฒนาสร้างนวตกรรมขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
 
- เน้นการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างธรรมชาติและมนุษย์
 
- มุ่งมั่นดำเนินการที่เห็นผลลัพธ์
 
- เน้นความร่วมมือเพื่อขจัดความยากจน
 
- สร้างความมั่นคงทางอาหาร
 
- พัฒนารับบการเงิน
 
- การพัฒนาสีเขียว
 
- และการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตัล
 
ในฐานะที่กัมพูชาเป็นประธานหมุนเวียนการประชุมอาเซียนในปีนี้ จีนจะทำงานร่วมกับอาเซียน เพื่อดำเนินยุทธศาสตร์ 2 ประการนี้ สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และการพัฒนาในภูมิภาค และรัฐมนตรีต่างประเทศ ยังเรียกร้องให้ชาวเอเชีย ร่วมกันกำจัด "สงครามเย็น" ออกไปจากภูมิภาค เพราะสิ่งนี้จะทำลายความมั่นคงและการพัฒนา
ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ตอบรับและสนับสนุนแนวคิด 2 ประการ ทั้ง “ความริเริ่มพัฒนาโลก” และ “ความริเริ่มความมั่นคงโลก” เพราะมองว่า แนวคิดนี้เหมาะกับสถานการณ์โลกที่กำลังตึงเครียดในเวลานี้ และในฐานะ ประธานอาเซียน จะร่วมมือ รักษาความสามัคคีและความเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และปกป้องสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาในภูมิภาค
 
ขณะที่ฝั่งสหรัฐอเมริกา มองว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ คือการย้ำความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน เว็บไซต์สถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา usip.org อ้างถึงความคิดเห็นของไบรอัน ฮาร์ดิ้ง แห่งสถาบัน USIP ว่า การประชุม คือการย้ำ ยุทธศาสตร์อินแปซิฟิก ที่เปิดและเสรี ที่สหรัฐฯ และเพื่อนกลุ่มพันธมิตรสี่เส้าหรือ Quad จะนำมาใช้กับอาเซียน เพื่อแข่งขันกับจีนในภูมิภาคนี้
 
ไบรอัน ฮาร์ดิ้ง มองว่ายุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก ที่จะนำมาใช้กับอาเซียนอาจไม่ง่าย เพราะอาเซียนอ้างเสมอว่า การตัดสินใจของอาเซียนตั้งอยู่บนหลัก “ความเป็นกลาง” ของอาเซียน แต่ดูเหมือนว่าอาเซียนในรอบ 3 ปีนี้ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว โดยเฉพาะเหตุการปฏิวัติเมียนมา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 การแก้ปัญหาเมียนมาในในอาเซียน แสดงให้เห็นว่า เสียงแตกไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้สหรัฐต้องหา ช่องทางให้พันธมิตร Quad ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย เข้ามาทำงานกับอาเซียนให้มากขึ้น ขณะที่อาเซียนเอง ก็ต้องการให้สหรัฐเข้ามาถ่วงดุลกับจีนในภูมิภาคนี้เช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
 
การหารือกันยังมีการพพูดถึงสถานการณ์ในเมียนมา ที่อาเซียนเสียงแตกเป็นสองฝั่ง คือมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เห็นด้วยกับการ ไม่ข้องแวะกับรัฐบาลทหาร แต่ เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา และไทย ยังลังเลที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเมียนมา ทั้งนี้เมียนมายังมีความสัมพันธ์ที่ดีในการลงทุนในโครงการต่างๆ กับจีน ไทยและสิงคโปร์ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในเมียนมาต่อเพื่อนบ้าน ทำให้ยากจะคว่ำบาตรต่อเมียนมาได้ ขณะที่จีนมองว่าเมียนมา เป็นประเทศสำคัญและเป็นจุดยุทธศาสตร์ในโครงการ สายแถบและเส้นทาง หรือ BRI ที่จีนมีโครงการพัฒนาท่าเรือและเส้นทางรถไฟ ออกสู่มหาสมุทรอินเดียได้ และโครงการนี้ยังคงเดินหน้า
 
 

ัyoda