ส่องพื้นฐาน 3 หุ้นวัสดุก่อสร้าง
HMPRO แกร่งสุด! ไตรมาส 4/65 กำไรนิวไฮ

.
แม้ภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น จากการผ่อนคลายมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ และแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ แต่ภาวะเงินเฟ้อและราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง ยังเป็นปัจจัยกดดันต่ออุตสาหกรรมต่างๆ
.
โดยหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนวัสดุก่อสร้างปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ขณะที่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับขึ้นก็มีผลกระทบต่อดีมานด์ของผู้บริโภคเช่นเดียวกัน ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาหลายจังหวัดประสบปัญหาฝนตกและน้ำท่วมสูง คาดกระทบกับยอดขายต่อสาขา และภาพรวมของผลประกอบการได้
.
ดังนั้น Wealthy Thai จึงนำสรุปงบไตรมาส 3/65 ของ 3 หุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ HMPRO, GLOBAL และ DOHOME มาฝากนักลงทุน มาดูกันว่าแต่ละหุ้นมีกำไรสุทธิเติบโตหรือไม่ และเกิดจากปัจจัยอะไรสนับสนุน
.
ในจำนวน 3 หุ้นที่ทีมงานนำมาเสนอนักลงทุนในวันนี้ HMPRO หรือ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นที่กำไรเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 76% จากไตรมาส 3/64 และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาส 2/65
.
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า การเติบโตของ HMPRO สาเหตุ คือ อัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (SSSG) เป็นบวก ผลดีจากการขยายสาขาที่ผ่านมา และอัตรากำไรขั้นต้นทำได้แข็งแกร่ง ขณะที่กำไรงวด 9 เดือน อยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วน 73% ของประมาณการทั้งปีของฝ่ายวิจัย โดยคาดว่าจะมีโมเมนตัมดีต่อเนื่องมายังไตรมาส 4/65 ควบคู่ไปกับการเปิดสาขาใหม่อีก 3 แห่งซึ่งก็ยังเป็นไปตามแผน
.
โดยแนวโน้มธุรกิจยังสดใส คาดว่ากำไรสุทธิจะไปทำจุดสูงสุดในรอบปีในไตรมาส 4/65 เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น, ได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยวไทยที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว, การจัดงาน Homepro Expo และคาดว่าภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายส่งท้ายปี 65 เช่น “ช็อปดีมีคืน” อีกด้วย ทั้งนี้ คาดว่ากำไรปี 65 จะสูงกว่าปี 62 ซึ่งเป็นปีก่อนเกิด Covid-19 และถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ ด้านการประเมินมูลค่าหุ้น ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ถูก ดังนั้น คงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 17.80 บาท
.
ถัดมา GLOBAL หรือ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 25% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งบล.พาย ระบุว่า กำไรที่เติบโตจากไตรมาส 3/64 ได้แรงหนุนจากอัตราการเติบโตของ SSSG) ที่ 3% , การเปิดสาขาใหม่ 3 แห่งในรอบ 12 เดือน และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่แข็งแกร่งขึ้นมาอยู่ที่ 25.8%
.
ส่วนกำไรที่ลดลงจากไตรมาส 2/65 เป็นผลจากอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายที่สูงขึ้น จากการเปิดสาขาใหม่ ต้นทุนสาธารณูปโภคที่สูงขึ้น และยอดขายที่ลดลงในฤดูฝน ส่วนกำไร 9 เดือนคิดเป็น 78% ของประมาณการกำไรทั้งปีนี้ของฝ่ายวิจัย
.
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/6 คาดกำไรจะโตต่อเนื่องได้จากไตรมาส 3/65 และไตรมาส 4/64 จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับการปรับปรุงบ้าน, ปัจจัยตามฤดูกาล, ยอดขายย่านท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น, การขยายสาขาใหม่ 2 แห่ง และอัตรากำไรที่แข็งแกร่งขึ้นจากส่วนแบ่งกำไรของแบรนด์บริษัทที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงคงคำแนะนำ ซื้อ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 23 บาท
.
สุดท้าย DOHOME หรือ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นที่กำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ปรับตัวลดลงทั้งจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรสุทธิอยู่ที่ 50 ล้านบาท ลดลง 85% จากไตรมาส 3/64 และ 84% จากไตรมาส 2/65 ต่ำสุดตั้งแต่จดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ฯ
.
บล.พาย ระบุว่า กำไรที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญมีสาเหตุมาจากอัตรากำไรผลิตภัณฑ์เหล็กที่ลดลง รวมถึงการระบายผลิตภัณฑ์วัสดุตกแต่ง และต้นทุนผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่สูงขึ้นจากเงินเฟ้อ ส่วนกำไรสะสม 9 เดือนคิดเป็น 88% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 65 ของฝ่ายวิจัย
.
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/65 คาดกำไรจะฟื้นตัวจากไตรมาส 3/65 แต่ยังอ่อนแอเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/64 โดย SSSG ในเดือน ต.ค. 65 ของ DOHOME ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะยอดขายสาขาอุบลฯ ที่ลดลงจากเหตุอุทกภัย ส่วน SSSG ของสาขาอื่นยังทรงตัวจากช่วงเวลาเดียวกัน ดังนั้นคาดว่า GPM จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 15% จาก 14% ในไตรมาส 3/65 แต่อาจต่ำกว่าระดับปกติที่ 16%-17% ส่วนคำแนะนำ ถือ เพราะขาดปัจจัยบวก ด้วยราคาเป้าหมายที่ 14.10 บาท