ทำไมถึงห่วงการบินไทย
—————————-
จากการลง complain ในฐานะลูกค้าในเฟซบุคนี้ ก็ได้รับ feedback มากมาย ทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ใครจะชื่นชอบหรือไม่นิยมสายการบินแห่งนี้
ขอเล่าเพิ่มเติม ....
หลังจากลงเฟซ 1 วัน มีกรรมการการบินไทย 1 ท่าน ได้ส่ง message มาใน Messenger เพื่อขออภัยในความบกพร่องทั้งหลาย ข้าพเจ้าก็ขอบคุณกรรมการท่านนั้นไปแล้ว และรู้สึกยินดีที่ท่านกรรมการใส่ใจ
หลังจากนั้นก็มีมิตรสหายในเฟซบุค ในไลน์ ส่งข้อมูลที่ข้าพเจ้าโดนโจมตีอย่างหนักจากผู้ไม่เห็นด้วย โดยคนที่ไม่เห็นด้วยเหล่านั้นใช้ถ้อยคำหยาบคายก็มี ใช้ถ้อยคำเสียดสีไปทางการเมืองก็เห็น แม้กระทั่งใช้มโนภาพมาหลอนตนเองแล้วเขียนต่อว่าข้าพเจ้าว่าเป็นพวกมนุษย์ป้าไร้อารยะ ไม่เคยบินชั้นดีๆ เรียกร้องนั่นนี่จากแอร์โฮสเตสเหมือนพวกไร้การศึกษาก็มี ฯลฯ
ที่ตลกกว่านั้นคือส่วนใหญ่ประนามว่าอาหารเช้าก็มีเสิร์ฟให้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีอาหารเช้า
มันตลกตรงไหนท่านทราบไหม ก็ตรงที่ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ complain เรื่องอาหารเช้าเลยนะสิ ข้าพเจ้าพูดถึง snack ที่เป็นแซนวิชในช่วงขึ้นเครื่องไปไม่นาน ไม่ได้บ่นเรื่องอาหารเช้าเลย กลับมีคนเอาไปต่อว่าเป็นตุเป็นตะ ... อ่านหนังสือไม่แตกหรือไรไม่ทราบจริงๆ
นอกจากนี้ ข้าพเจ้าได้ใช้ความสุภาพต่อลูกเรือทุกคนมาโดยตลอด ทั้งกิริยา วาจา แม้กระทั่งความคิด ส่วนประเด็นที่เอ่ยถึงลูกเรือนั้นก็เพราะพวกเขาดูเหนื่อยหน่าย เนือยๆ ในการให้บริการ ผิดจากเดิมที่กระฉับกระเฉงดีมาก ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าน่าเป็นห่วง เพราะหากกิจการให้บริการใดมีพนักงานที่ถอดใจในการปฏิบัติหน้าที่ กิจการนั้นจะมีปัญหาแน่ๆ
มีคุณผู้ชายท่านหนึ่งเขียนในไลน์บรรยายคุณสมบัติตนเองว่าเป็นเลิศขนาดไหน บิน first class บินรอบโลกกับการบินไทยมาหลายครั้ง (มาบอกทำไม … บอกเพื่อให้น้ำหนักการเขียนน่าเชื่อถือมากขึ้นกระนั้นหรือ?) ท่านผู้นี้ต่อว่าข้าพเจ้าว่าจะแลกไมล์ให้ผู้โดยสาร “ทั้งชั้น” อย่างนี้ไม่มีให้แลก .... ท่านประหลาดนักในสายตาข้าพเจ้า เพราะเราไปกัน 4 คน แต่ท่านเขียนเหมือนกับข้าพเจ้าแลกไมล์สำหรับ 20-30-40 คน ... แมนมากเนอะ ... ท่านควรจะไปพบแพทย์บ้างเพื่อรักษาอาการจิตหลอน หรือช่วยไปบินรอบโลกอีกสักห้าร้อยเที่ยวก็คงดี
ในส่วนของผู้เข้ามาโจมตีข้าพเจ้าอย่างไม่เป็นจริงในเฟซบุคนี้ มีหลายคนบอกว่ามาจากลูกเรือ แต่ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่าลูกเรือที่ข้าพเจ้านิยมชมชื่นมาตลอดจะเป็นฝูงไฮยีน่าที่ต่ำช้า ไร้สมอง กิริยาวาจาเลวทรามแบบที่ปรากฏ … มันต้องเป็นพวกที่มาจากดาวอังคารแน่ๆ อย่ามาใส่ร้ายลูกเรือที่ข้าพเจ้ารักเลย
ก็ขอให้ทุกท่านกลับไปอ่านสิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนลงไปใหม่อีกครั้งว่าข้าพเจ้าบ่นอะไร ก่อนจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาบิดประเด็น และข้รพเจ้าก็ไม่ได้เป็นคนไปนั่งในที่นั่งพิเศษหน้าหัองน้ำเสียหน่อย พวกท่านเลอะเทอะมาก
นอกจากนี้ การบินไทยก็ได้ชี้แจง “ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์” ถึงมาตรฐานการให้บริการของเขา รวมทั้งเรื่องอาหารเช้า (ที่ข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวถึง) ... สรุปคือตอบด้วยความสุภาพ ตอบเพื่อปกป้องภาพพจน์การบินไทย แต่ไม่ได้ตอบความคับข้องใจที่ลูกค้าได้พบเห็น ... ก็ไม่เป็นไรค่ะ เป็นสิทธิ์ของท่าน ถ้าท่านทำดีมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของลูกค้า ท่านก็จะเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปให้เราได้เห็น
เมื่อข้าพเจ้ากลับมาจากซัปโปโรแล้วสัก 2-3 วัน มีคุณผู้หญิงท่านหนึ่งจากฝ่ายบริการลูกค้าการบินไทยโทรมาหาข้าพเจ้า ก็พูดคุยกันบ้าง และข้าพเจ้าก็บอกวิธีการแก้ไขไปอย่างหนึ่งที่จะทำให้หนี้สินลดลง ท่านตอบว่าวิธีนี้คิดกันแล้ว ข้าพเจ้าเลยไม่ได้แนะนำอะไรเพิ่มอีก เพราะจะอย่างไรเราก็คนนอก
ทั้งหมดนั้นข้าพเจ้าไม่ได้เอามาติดใจโกรธเคืองอะไร มีแต่ความเป็นห่วงจากใจจริง ส่วนผลตอบรับจากคนส่วนหนึ่งที่ตลกมากๆ นั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่มีคุณค่าให้ข้าพเจ้าเอามาคิดมากในเชิงลบ และที่ไม่ได้มาตอบในนี้ทันที ทิ้งช่วงห่างหลายวัน ก็เพราะกลับมาก็ลุยงานหลากหลายที่จะต้องทำให้เสร็จเรียบร้อย และอีกประการก็ไม่อยากให้เป็นการตอบโต้กันไปมาเหมือนหน้าข่าวในทุกวันนี้แบบข่าวดาราหรือข่าวการเมืองสามบรรทัด
นึกถึงทฤษฎี The Five Stage of Grief และ The Cycle of Acceptance แล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าเหตุการณ์นี้มันคล้ายมาก และตอนนี้คนที่อาละวาดใส่ข้าพเจ้าน่าจะกำลังอยู่ในช่วง Anger กับ Denial ... ดังภาพที่นำมาจาก Pinterest นี่แหละ
ไม่ต่างจากคำกล่าวของ George Santayana นักปรัชญา ที่บอกว่า “คนไม่เชื่อว่าภูเขาไฟจะระเบิด จนกว่าลาวาจะมาถึงตัว”
.
วรวรรณ ธาราภูมิ
28 ตุลาคม 2562