ยังไม่มีรายชื่อว่า ผู้ยื่นใบสมัครชิงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คนใหม่ เป็นใครมาจากไหนบ้าง และจะเรียกความเชื่อมันให้กับคนในแวดวงตลาดทุนได้หรือไม่ แต่อีกไม่กี่วันคงได้รู้กัน
เพราะสำนักงาน ก.ล.ต. จะปิดรับสมัครผู้ชิงตำแหน่งเลขาธิการ ก.ล.ต. ในวันที่ 21 กันยายนนี้ ก่อนจะพิจารณาคุณสมบัติที่เหมาะสมคัดเลือกให้เหลือเพียง 2 ราย ส่งกระทรวงการคลังพิจารณาชี้ขาด
เลขาธิการ ก.ล.ต. คนใหม่ จะเป็นเลขาธิการ ก.ล.ต.คนที่ 7 นับตั้งหน่วยงานแห่งนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 โดยจะเข้ารับตำแหน่งต่อจากนายรพี สุจริตกุล ที่ครบวาระในวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเจ้าตัวยืนยันไม่ต่อวาระ
การเปลี่ยนแปลงผู้นำองค์กร ของ ก.ล.ต. แต่ละครั้งมีความสำคัญ เพราะ ก.ล.ต. เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดทุน ซึ่งเป็นศูนย์กลางระดมทุนและการลงทุนใหญ่ที่สุดของประเทศ การซื้อขายหุ้นแต่ละวันมีมูลค่า 3 - 5 หมื่นล้านบาท และเคยพุ่งขึ้นไปสูงกว่า 1 แสนล้านบาท มูลค่าตลาดรวม หรือ มาร์เก็ตแคปมากกว่า 17.11 ล้านล้านบาท
ตลาดหุ้นเป็นแหล่งผลประโยชน์ขนาดใหญ่ สร้างความมั่งคั่งปีละนับล้านล้านบาท จากเงินปันผลประมาณ 3 % ของมูลค่าตลาดรวม และ จากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น โดยหากดัชนีราคาหุ้น ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 10 % ตลาดหุ้นจะมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นกว่า 1.7 ล้านล้านบาท ทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาแสวงหาโอกาสตักตวงความร่ำรวยจากตลาดหุ้น รวมทั้งนักลงทุนจำนวนประมาณ 1.6 ล้านราย ที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น
เลขาธิการ ก.ล.ต. ทั้งหมด 6 คนตั้งแต่ในอดีตและจนถึงปัจจุบัน มีทั้งคนที่สร้างผลงานอันน่าจดจำ และคนที่ถูกลืมเลือน เพราะ บางคนเข้ามาด้วยเส้นสายทางการเมือง ไม่ได้ถูกคัดกรองด้วยคุณสมบัติอันเหมาะสมหรือความสามารถเฉพาะตัว เมื่อเข้ามาแล้วแทบไม่ได้ทำอะไร
ครบวาระ 4 ปีจึงไม่มีผลงาน สักแต่ว่าเคยเป็นเลขาธิการ ก.ล.ต. เท่านั้น แต่เข้ามาแล้ว ทำอะไรบ้าง หาคำตอบไม่ได้
สำหรับ นายรพี เป็นหนึ่งในเลขาธิการ ก.ล.ต. ที่มีผลงาน โดยเฉพาะการเข้มงวดกับการบังคับใช้กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ปราบปรามพฤติกรรมผิดในตลาดทุนอย่างจริงจัง และกล่าวโทษผู้กระทำความผิดในตลาดหุ้นนับไม่ถ้วน
แม้จะรับแรงกดดันอย่างหนัก จากการดำเนินนโยบายที่เฉียบขาดกับผู้กระทำผิดในตลาดหุ้น แต่เดินหน้ากวาดล้างแก๊งมิจฉาชีพในตลาดหุ้นอย่างไม่ลดละ จนพฤติกรรมการปั่นหุ้น การใช้ข้อมูลภายในแสวงหาประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น การยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินออกจากบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการเอารัดเอาเปรียบนักลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ลดน้อยลง
แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากคนในแวดวงตลาดทุน อยากให้นายรพี ต่อวาระ แต่เนื่องจากไม่มีแผนยุทธศาสตร์ตลาดทุน 20 ปี นายรพีจึงไม่มีภารกิจที่ต้องอยู่สานงานต่อ เหมือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีข้ออ้างการกลับมาเป็นผู้นำประเทศเพื่อสานต่อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
และ นายรพี คงรู้สึกว่า 4 ปี พอแล้วสำหรับการทำงานเพื่อตลาดทุน จึงเปิดทางให้คนใหม่เข้ามาทำงานรับใช้ประชาชนผู้ลงทุนบ้าง
แต่เลขาธิการ ก.ล.ต.คนใหม่ จะมีความมุ่งมั่นทำให้ตลาดหุ้นขาวสะอาด ปราศจากกลุ่มมิจฉาชีพที่สร้างความเสียหายให้นักลงทุน และสร้างความเท่าเทียมการลงทุนเพียงใด
ถ้า ก.ล.ต.ไม่เข้มแข็ง ไม่ดำเนินมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวด ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียดขาด พฤติกรรมโกงในรูปแบบต่าง ๆ จะฟื้นคืนชีพในตลาดหุ้นอีกครั้ง
ดังนั้น คนที่จะมาสืบทอดเจตนารมณ์ของ ก.ล.ต. จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ก.ล.ต.ยุคนายรพี กำลังเข้าที่เข้าทางแล้ว โดยเฉพาะการกวาดล้าง ปราบปรามพฤติกรรมผิดในตลาดหุ้น
ถ้าเลขาธิการ ก.ล.ต.คนใหม่ มีเจตนารมณ์เดียวกับนายรพี มุ่งมั่นในการบังคับใช้ พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อย่างเข้มงวด ไม่ละเว้นการกระทำความผิดใด ๆ ดำเนินคดีโดยไม่เห็นแก่หน้าใคร
ประชาชนจะเกิดความมั่นใจลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น ไม่ต้องกลัวถูกโกงหรือถูกเอารัดเอาเปรียบเหมือนอดีต
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ใน MGR Online เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี พ.ศ 2561
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com