กูรูศก.จับตากนง.ประชุมพิเศษเดือนหน้าขึ้นดบ.0.25% และอีก2 รอบภายในQ3นี้

กูรูเศรษฐกิจ ประเมินมีโอกาสสูง ที่กนง.จะนัดประชุมพิเศษ ก.ค.นี้ "สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด" คาดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เพื่อแก้เงินเฟ้อ และอีก 2 ครั้ง ภายใน Q3/65 ส่วน "กสิกรฯ" เชื่อหากเฟดขึ้นดบ.แรงในสัปดาห์นี้ กดดันกนง.เร่งประชุมแน่

.

หลังจากที่ทั่วโลกจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อหรือไม่ ทำให้สำนักวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำของไทย เริ่มออกมาประเมินว่า หากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงในครั้งนี้จะกดดันธนาคารแห่งประเทศไทยกลับมาพิจารณาใช้นโยบายขึ้นดอกเบี้ย แต่เนื่องจากรอบประชุมของคณะกรรมการนโยบายทางการเงินของไทยจะมีขึ้นในช่วงเดือนส.ค.65 ซึ่งอาจจะช้าเกินไป หากดอกเบี้ยทั่วโลกปรับตัวขึ้นแรง จึงมีความเป็นไปได้ที่ กนง.อาจจะต้องเรียกประชุมนัดพิเศษก่อนเดือนส.ค.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดส่วนต่างลง

.

* สแตนดาร์ดฯ คาดมีนัดพิเศษเดือนหน้า ขึ้นดบ. 3 ครั้งรวด

นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยกับสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ว่า ในช่วงกลางเดือน ก.ค. นี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจมีความจำเป็นที่จะต้องประชุมนัดพิเศษในเดือนก.ค.65 เพื่อพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

.

ทั้งนี้คาดหากมีการประชุมนัดพิเศษจริง กนง.จะปรับขึ้น 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ และในการประชุมในวันที่ 10 ส.ค. จะขึ้นอีก 0.25% และในวันที่ 28 ก.ย. จะขึ้นอีก 0.25% รวมขึ้นติดต่อกัน 3 ครั้งต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3/65

.

สำหรับปัจจัยที่ กนง. มีความจำเป็นต้องประชุมนัดพิเศษ เนื่องจากหากรอการประชุมนัดปกตินั้น ถือว่า นานเกินไป และในช่วงที่ผ่านมา ในกนง. และการส่งสัญญาณของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เป็นห่วงในเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง และรอนานไม่ได้

.

รวมถึง อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ที่มีความร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ ตลาด มีมุมมองว่า ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. นี้ มีโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75-1%

.

“หากดูจากการส่งสัญญาณของผู้ว่าธปท.ที่ ออกมาส่งสัญญาณชัดเจนว่า มีความกังวลเงินเฟ้อมาก และเงินเฟ้อในระดับ 7% มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสิ่งที่เกิดขึ้นมันรอนานไม่ได้ โจทย์นี้ถือเป็นโจทย์ที่ยากของธปท. ที่จะต้องบาลานซ์เงินเฟ้อและเศรษฐกิจ เพราะในฝั่งผู้ประกอบการก็จะมีต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ก็เข้าใจแบงก์ชาติว่าเป็นความจำเป็น และหากขึ้นต่อเนื่อง 3 ครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ 1.25% ก็ยังเป็นอยู่ในโซนที่ไม่ได้สูงมากนัก”นายทิม กล่าว

.

ในวันนี้ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายของธปท. ในการชั่งน้ำหนักของทั้งเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจ ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะกระทบกับภาคประชาชน ซึ่งธนาคารเองเข้าใจทั้ง 2 ฝั่ง คือ ธปท. และ ประชาชน เพราะหากขึ้นดอกเบี้ยประชาชนที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวจากเศรษฐกิจก็อาจจะเจอกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการขึ้นดอกเบี้ย แต่ในฝั่งของธปท.ถือเป็นโจทย์ยากและใหม่ โดยเชื่อว่าหลังจากนี้จะเป็นความร่วมมือของ ฝั่งรัฐบาลและฝั่งธปท. มากขึ้น โดยฝั่งรัฐบาลจะดูแลในเรื่องราคาสินค้า พยายามดูแลค่าครองชีพ ขณะที่ธปท. จะใช้นโยบายดอกเบี้ยเพื่อดูแลในเรื่องดังกล่าว

.

“การขึ้นดอกเบี้ยจะต้องใช้เวลาในการส่งผ่าน ก็ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายและใหม่ เพราะที่ผ่านมาเราเจอแต่เงินเฟ้อ 1% หรือ มากกว่านั้นเล็กน้อย แต่วันนี้เงินเฟ้อ 7% กว่า และยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น ส่วนขึ้นดอกเบี้ยแล้วจะไปเบรกเงินเฟ้อได้แค่ไหนก็ตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่เราไม่เคยเจอ และเราก็ไม่รู้อะไรคือเพดานว่าต้องขึ้นแค่ไหน แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ”นายทิม กล่าว

.

* กสิกรฯ คาดหากเฟดขึ้นดบ.แรง กดดันกนง.เร่งประชุมแน่

นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวกับสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ว่า ในช่วงที่ผ่านมา กนง.ได้ประกาศปรับรอบการประชุมคณะกรรมการ เพื่อต้องการให้เห็นข้อมูลภาพรวมของเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น

.

ดังนั้นหากกนง.จะนัดประชุมพิเศษ ในกรณีเหตุการณ์ไม่ปกติ ก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากปัจจุบัน สถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว โดยเฉพาะเงินเฟ้อสหรัฐ ที่แรงกว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้

.

“เฟดประชุม 14-15 มิ.ย. หากขึ้นแรงและส่งสัญญาณจะขึ้นต่อเนื่องในเดือนก.ค.อีก ก็อาจจะต้องมาดู เพราะของไทย การประชุมจะมีอีกครั้งในเดือน ส.ค. ดังนั้นระยะห่างรอบการประชุมก็อาจจะมีผลได้ แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการว่าจะมีมุมมองอย่างไร”นางสาวณัฐพร กล่าว

.

สำหรับ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมิน กนง.จะพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 3/65 ส่วนช่วงที่เหลือของการประชุมอีก 2 ครั้ง จะต้องนำข้อมูลด้านเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และอัตราเงินเฟ้อมาประกอบการพิจารณาในช่วงเวลาดังกล่าวอีกครั้ง