เปิดแผนฟื้นฟู 'การบินไทย' ฉบับแก้ไขเสนอเจ้าหนี้
การบินไทย เสนอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อที่ประชุมเจ้าหนี้เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2564 ซึ่งมีการเสนอขอแก้ไขรวม 15 ฉบับ ก่อนมีการเลื่อนลงมติรับแผนฟื้นฟูมาเป็นวันที่ 19 พ.ค.เหลือพิจารณาเพียง 3 ฉบับ รวมถึงแผนฟื้นฟูหลักที่การบินไทยเสนอ
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ สรุปคำข้อแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ยื่นให้เจ้าหนี้พิจารณา ซึ่งได้ระบุถึงความจำเป็นในการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการที่ยื่นให้กรมบังคับคดีไปเมื่อวันที่ 2 มี.ค.2564
โดยผู้ทำแผนได้หารือเจ้าหนี้สถาบันการเงินรายหลักของการบินไทยเห็นตรงกันว่า เงื่อนไขที่จะทำให้เจ้าหนี้เชื่อมั่นแผนฟื้นฟูกิจการและการดำเนินการตามแผนจนเพียงพอที่เจ้าหนี้จะสนับสนุนแผนฟื้นฟูและเม็ดเงินใหม่ คือ การบินไทยยังคงได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและได้รับสิทธิประโยชน์ในการประกอบธุรกิจการบินและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตลอดจนสิทธิประโยชน์อื่นไม่ด้อยกว่าก่อนเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
ดังนั้นผู้ทำแผนจึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องรวมถึงการชำระหนี้ ลำดับการจัดสรรกระแสเงินสด การจัดหาและหาประโยชน์จากทรัพย์สินและสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดหาแหล่งเงินทุน โดยการกู้ยืมเงินใหม่ การปรับโครงสร้างหนี้ การปรับโครงสร้างทุนและการปรับโครงสร้างธุรกิจ
นอกจากนี้แผนได้เพิ่มมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการสนับสนุนจากเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ และเจ้าหนี้มีโอกาสพิจารณาให้การสนับสนุนทางการเงินแก้ลูกหนี้ และเพื่อให้แน่ใจว่าผู้บริหารแผนดำเนินการตามแผนและนำสินเชื่อใหม่ใช้ดำเนินธุรกิจอย่างเหมาะสมและรัดกุมตามแผนฟื้นฟูกิจการ
สำหรับการก่อหนี้และการระดมทุน ได้ประมาณการทางการเงินแล้วการที่การบินไทยจะดำเนินธุรกิจได้ต่อเนื่องและชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ได้ตามแผน การบินไทยต้องได้รับการสนับสนุนเงินทุนและหรือสินเชื่อใหม่ช่วง 2-3 ปี นับจากศาลมีคำสั่งเห็นชอบแผนวงเงิน 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น
1.สินเชื่อใหม่ 25,000 ล้านบาท ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐหรือบุคลใดที่ภาครัฐและผู้บริหารแผนร่วมจัดหาซึ่งอาจอยู่ในรูปเงินกู้ยืม และหรือการค้ำประกัน
2.สินเชื่อใหม่ 25,000 ล้านบาท ที่ได้รับจากการสนับสนุนจากภาคเอกชน โดยระยะเวลาของสินเชื่อใหม่ไม่เกิน 6 ปี เริ่มชำระคืนเงินต้นตั้งแต่ปีที่ 3 นับจากวันที่เบิกใช้สินเชื่อใหม่ครั้งแรกโดยชำระเป็นรายปี
เจ้าหนี้ที่ให้สินเชื่อใหม่จะได้สิทธิการซื้อหุ้นตามสัญญาการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวนเดียวกับหนี้สินเชื่อใหม่ที่การบินไทยเบิกใช้จริง โดยให้ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของการบินไทยมูลค่าที่ตราไว้ 10 บาท ต่อหุ้น ในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น
ส่วนการตั้งคณะกรรมการสินเชื่อใหม่ประกอบด้วยกรรมการ 5 คน โดยกรรมการ 2 คน มาจากผู้แทนรัฐที่สนับสนุนสินเชื่อใหม่หรือค้ำประกันสินเชื่อใหม่ ในขณะที่กรรมการอีก 2 คน มาจากผู้แทนเจ้าหนี้ที่ให้สินเชื่อใหม่ และกรรมการอีก 1 คน จากภาครัฐที่สนับสนุนสินเชื่อใหม่หรือเข้าค้ำประกัน และเจ้าหนี้สินเชื่อใหม่เสนอมา
คณะกรรมการบริหารสินเชื่อมีหน้าที่ ให้ความเห็นชอบแผนธุรกิจ งบประมาณ แผนกำลังคน แผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุน รวมทั้งติดตามการทำงานของผู้บริหารแผนฟื้นฟู และมีอำนาจลงมติถอดถอนผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการได้
นอกจากนี้ การบินไทย เสนอแก้ไขในส่วนการปรับโครงสร้างทุน การลดทุนและการเพิ่มทุน โดยภายใน 60 วันนับจากศาลมีคำสั่งเห็นชอบแผน การบินไทยจะลดทุนจดทะเบียนจาก 26,989 ล้านบาท เหลือ 21,827 ล้านบาท โดยการตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกและจำหน่าย 516 ล้านหุ้น
หลังจากนั้น จะเพิ่มทุนจดทะเบียนรองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน 196,449 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิมเป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 219,277 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 19,644 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท
รวมทั้งจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวให้เจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 (เจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีใช่สถาบันการเงิน) หรือผู้รับโอนสิทธิซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ 2.5452 บาท และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 9,822 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10 บาท ให้เจ้าหนี้สินเชื่อใหม่ในราคาเดียวกัน
สำหรับความสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการกำหนดไว้ 4 ข้อ คือ
1.จดทะเบียนเพิ่มทุนและได้รับสินเชื่อใหม่ตามที่กำหนดในจำนวนที่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ
2.ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยไม่เกิดเหตุผิดนัดตามกฎหมายติดต่อกัน 5 ปี นับจากวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ
3.มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากการดำเนินงานหลักหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบินเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาทต่อไป ใน 2 ปี ก่อนหน้าที่จะรายงานศาลถึงผลสำเร็จของการฟื้นฟูกิจการ โดย EBITDA ในปีหลังต้องไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาท
4.มีการตั้งกรรมการใหม่ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก