กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCPG เปิดเผยว่า
บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนธุรกิจรูปแบบใหม่เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่ใกล้ชิดผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น จากการที่เทคโนโลยีใหม่ๆ ในยุคดิจิตอล (disruptive technology) จะพลิกโฉมธุรกิจพลังงาน ทำให้เกิดการขายไฟฟ้าผ่านอินเตอร์เน็ต (internet of energy) ในอนาคตอันใกล้นี้
บทวิเคราะห์จาก Maybank Kim Eng Thailand
กำลังการผลิตใหม่หนุนผลประกอบการ
เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-2561 ขึ้น17.6-27.0% หลังรวมประมาณการโรงไฟฟ้าพลังลมและพลังงานความร้อนใต้พิภพเข้าไว้ในประมาณการ ราคาเป้าหมายปี 2561 เท่ากับ 15.7 บาท (จาก 13.9 บาท) จากการปรับสัดส่วนทุนเพิ่มขึ้นเป็น 40% จาก 30% และรวมทุกโครงการในประเทศญี่ปุ่นในประมาณการ (Best Case) ราคาหุ้นปรับตัวตอบสนองการซื้อกิจการไปแล้วในระดับหนึ่ง
เราคงคำแนะนำ ถือ เพื่อรอ upside จากโครงการในอนาคต เชิงกลยุทธ์ BCP ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ยังมี upside ที่น่าสนใจจากการเติบโตของ BCPG และธุรกิจการตลาดน้ำมัน รวมส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลมและพลังงานความร้อนใต้พิภพ เราทำการรวมส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้พลังลม Nabas Wind Farm และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ 3 โครงการ ได้แก่ Wayang Windu, Salak และ Darajat ไว้ในประมาณการ เราประเมินส่วนแบ่งกำไรจากโครงการดังกล่าว 327 และ 541 ล้านบาท ในปี 2560 และ 2561 เราจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้น 17.6-27.0% เป็น 2,180 ล้านบาท และ 2,544 ล้านบาท ในปี 2560-2561 ตามลำดับ ส่งผลให้ผลประกอบการปี 2560 และ 2561 คาดเติบโต 41.4% YoY และ 17.7% YoY ตามลำดับ
โรงไฟฟ้าพลังลม Nabas Wind Farm
โครงการ Nabas Wind Farm เป็นโรงไฟฟ้าพลังลมกำลังการผลิต 36 MW ตั้งอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ BCPG ถือสัดส่วน 40% ได้รับ FiT 7.4 เปโซ/kWh (5.4 บาท) สัญญา 20 ปี เปิดดำเนินงานวันที่ 10 มิ.ย. 2558 อยู่ระหว่างการพัฒนาและขออนุญาตโครงการในเฟสที่ 2 ขนาด 14 MW เราคาดส่วนแบ่งกำไรประมาณ 90 ล้านบาทต่อปี
(วิเคราะห์โดยคุณสุทธิชัย คุ้มวรชัย)