มัดรวมหุ้นรับอานิสงส์นโยบาย “ภูมิใจไทย”
ก่อนการเลือกตั้งใหม่หลังยุบสภาปี 2569
.

ปี 2568 ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความเข้มข้นทางการเมืองเป็นอย่างมาก และในช่วงโค้งสุดท้ายของปีแบบนี้ สิ่งที่ประชาชนรอคอยคงหนีไม่พ้นการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2569 หลังการยุบสภาของรัฐบาล “อนุทิน” ตามสัญญา ซึ่งอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป
.
ขณะเดียวกัน นโยบายของพรรคภูมิใจไทยซึ่งยังมีบทบาทในการขับเคลื่อนรัฐบาลชุดปัจจุบัน กำลังกลายเป็นแรงหนุนสำคัญต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พลังงานสะอาด และโครงสร้างพื้นฐาน ที่เริ่มถูกหยิบขึ้นมาเก็งกำไรก่อนเข้าสู่ฤดูเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
.
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุ การเมืองไทยผ่านช่วงรอยต่อราบรื่น และน่าจะเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ประเมินภาพบวกจากข้อสรุปทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และคาดว่า ครม. ชุดใหม่น่าจะเข้ารับตำแหน่งได้ทันก่อนปีงบประมาณ 2569 (สิ้นสุด ก.ย. 69) ซึ่งจะเริ่มมีผลวันที่ 1 ต.ค. ทำให้รอยต่อทางการเมืองไม่กระทบต่อเศรษฐกิจ
.
นอกจากนี้ รัฐบาลที่มีเสียงส่วนน้อย ประกอบกับข้อตกลงยุบสภาภายใน 4 เดือนที่ทำกับพรรคประชาชน ทำให้ระยะกลางตลาดยังมีความหวังเชิงบวกต่อภาพการเข้าสู่จุด Refresh ใหม่ = รัฐบาลใหม่ เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง
.
สำหรับกลยุทธ์ลงทุน บล.กรุงศรี มองว่า แม้จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่คาดว่านโยบายของพรรคภูมิใจไทยยังน่าจะขับเคลื่อนได้ในระดับหนึ่ง ทำให้กลุ่มหุ้นที่มีโอกาสเห็นแรงเก็งกำไร คือ กลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากนโยบายหลักของพรรค ได้แก่
.
1.) วงเงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ไม่ต้องมีหลักประกัน + พักหนี้ 3 ปี + Contract Farming + เพิ่มค่าตอบแทน อสม. เดือนละ 2,000 บาท บวกต่อหุ้นกลุ่ม Domestic เช่น ธนาคาร SCB, KTB, KBANK เช่าซื้อ MTC, SAWAD ค้าปลีก CPALL, GLOBAL
.
2.) ฟรีหลังคา Solar Cell บวกต่อ GULF, GUNKUL
.
3.) Landbridge บวกต่อกลุ่มรับเหมา STECON, CK และนิคม WHA, AMATA
.
4.) รายได้ท่องเที่ยว 4 ปี 6 ล้านล้านบาท เพิ่มนักท่องเที่ยว 80 ล้านคน เน้นพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว + จัดเทศกาลระดับโลก + Wellness Resort of the World บวกต่อหุ้นท่องเที่ยว ERW, CENTEL และโรงพยาบาล BDMS, BH
.
5.) รถเมล์ไฟฟ้า บวกต่อ EA, BYD, NEX (กลยุทธ์เก็งกำไรสั้น ควรวางจุด Stop Loss อย่างระมัดระวัง)
.
6.) กองทุนประกันชีวิต 60 ปี เสียชีวิตได้เงิน 1 แสนบาท บวกต่อกลุ่มประกัน TLI, BLA
.
7.) เครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งทุกจังหวัด + ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอ คาดมีโอกาสเปิด Upside ให้กับโรงพยาบาลที่เชื่อมโยงกับภาครัฐฯ และกลุ่มประกันสังคม เช่น BCH
.
8.) หุ้นได้อานิสงส์จากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ได้แก่ STECON, STPI, PTG, PRM, AMA
.
นอกจากนี้ ความคาดหวังเชิงบวกของตลาดต่อภาพการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งในอีกไม่นาน ประเมินว่า SET มีโอกาสตอบรับเชิงบวก โดยอิงจากสถิติก่อนการเลือกตั้ง 5 ครั้งหลังสุด (พ.ค. 23, มี.ค. 19, ก.พ. 11, ธ.ค. 07, ก.พ. 05, ม.ค. 01) ในช่วง 6 เดือนก่อนการเลือกตั้ง SET มักให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +5.3% (ความน่าจะเป็นผลตอบแทนบวก 60%)
.
กลุ่มที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่า SET คือ กลุ่มปิโตรเคมี +12.6% (ความน่าจะเป็นผลตอบแทนบวก 60%) กลุ่มพลังงาน +9.8% (60%) ประเมินมาจากผลบวก Fund Flows เป็นหลัก ทั้งนี้อิง Cycle รอบนี้แนะนำหุ้นปิโตรเคมีธีม Anti-involution คือ PTTGC, IVL ผสานกลุ่มโรงกลั่น TOP
.
กลุ่มที่ผลตอบแทนใกล้เคียง SET คือ กลุ่มธนาคาร +4.8% (60%), กลุ่ม ร.พ. +4.8% (40%), กลุ่มการเงิน +4.8% (40%), กลุ่มค้าปลีก +4.7% (60%) ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Domestic ที่บล.กรุงศรีแนะนำ หุ้นค้าปลีก เน้นกลุ่มที่มีสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัด CPALL, GLOBAL กลุ่มธนาคาร SCB, KTB, KBANK กลุ่มเช่าซื้อ MTC, SAWAD และกลุ่ม ร.พ. ขนาดใหญ่ที่ Deep Value + คาดเป็นเป้าหมาย Fund Flows อาทิ BH, BDMS
ที่มา.. Wealthy Thai