ห้องเม่าปีกเหล็ก

สายลมบูรพาพัดหวน

โดย 98 Degree
เผยแพร่ :
89 views

สายลมบูรพาพัดหวน
พลวัต 2016

 

วิษณุ โชลิตกุล

 

ข่าวดีจากจีน (ที่แทรกด้วยข่าวร้าย) ก็โผล่มาเป็นระลอกใหม่ ตอกย้ำระลอกก่อนหน้าที่เคยกล่าวไปหลายครั้งแล้วว่า ขาขึ้นครั้งใหม่ของเศรษฐกิจจีน กำลังจะกลายเป็นปรากฏการณ์ที่สอดรับกับ “ทฤษฎีฝูงห่านป่าบิน” ของ อัลวิน ทอฟเลอร์ เมื่อ 20 ปีก่อน

เปิดตลาดหุ้นเอเชียเช้าวานนี้ นักวิเคราะห์ต่างคาดเดาว่า ดัชนีตลาดหุ้นจะต้องร่วงแรงเพราะราคาน้ำมันที่ร่วงลงหนักว่า 1 ดอลลาร์เมื่อคืนก่อนหน้า แต่ปรากฏว่าก่อนตลาดเปิด ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ดีเกินคาด ได้ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้บวกแรงนำตลาดหุ้นอื่นๆ และพากันบวกเกือบทั่วหน้า

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนตุลาคม อยู่ที่ระดับ 51.2 เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย.ที่ระดับ 50.4 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตมีการขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนตุลาคมเช่นกัน อยู่ที่ระดับ 54.0 เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน.ที่ระดับ 53.7 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เช่นกัน

ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้วานนี้บวกไปถึง 21.95 จุด

ไม่เพียงเท่านั้น การตัดสินใจของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่จะคงนโยบายการเงินต่อไป โดยมีรายละเอียดน่าสนใจคือ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ -0.1% แต่ได้ขยายระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อไปเป็นช่วงปีงบประมาณ 2561 หรือหลังจากช่วงปีงบประมาณ 2561 จากช่วงเวลาเดิมที่กำหนดไว้ในปีงบประมาณ 2560 เป็นการยอมรับว่า BOJ ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในช่วงเวลาที่นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ BOJ ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่

แม้ว่าจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อได้ แต่ญี่ปุ่นก็มีข่าวดีแทรกเข้ามาเช่นกัน โดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมเปิดเผยผลการประเมินภาวะเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น โดยระบุว่า ผลการประเมินยังคงเดิมในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 กล่าวคือ เศรษฐกิจยังคงปรับตัวดีขึ้นในระดับปานกลาง แม้ว่าธุรกิจบางประเภทยังคงอ่อนแอ สะท้อนว่า สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในประเทศของญี่ปุ่นกำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ แต่มั่นคง

สองสัปดาห์ก่อนหน้า จีนก็เพิ่งจะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณบวกชัดเจนว่า เริ่มฟื้นตัวจริงจัง โดยเริ่มตั้งแต่ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ประกาศว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 1.9% ในเดือนกันยายน เทียบรายปีซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.3% ในเดือนสิงหาคม  

ถัดมาในวันเดียวกันสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ก็ประกาศดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่ประตูโรงงาน ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนกันยายนเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 และเมื่อเทียบเป็นรายเดือนแล้ว ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 0.5% เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นในหลายอุตสาหกรรม โดยผลสำรวจเผยให้เห็นว่าอุตสาหกรรม 25 แห่งมีราคาปรับตัวขึ้น ซึ่งเพิ่มขึ้น 8 อุตสาหกรรมจากการสำรวจเดือนก่อน นอกจากนี้ราคาผู้ผลิตที่ปรับตัวขึ้นยังเชื่อมโยงกับราคาที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมหลักบางแห่งเช่น โลหะเหล็ก และเหมืองถ่านหิน

ราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2555 ส่วนอุตสาหกรรมโลหะเหล็กนั้น ราคาเพิ่มขึ้น 10.1% จากปีที่แล้วราคาผู้ผลิตที่ปรับตัวขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากการลดกำลังการผลิตและการระบายสินค้าคงคลังซึ่งช่วยลดภาวะอุปทานล้นตลาด

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อวานนี้เช่นกัน นางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เปิดเผยว่า จีนจะยังคงนโยบายในการเปิดรับและดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ตอบโต้กระแสข่าวที่ว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของบรรดาบริษัทต่างๆ ในยุโรปเผชิญกับสถานการณ์ที่ลำบากในการเข้าไปลงทุนในจีน ผลพวงของตลาดหุ้นจีนที่บวกแรง ส่งต่อไปยังตลาดหุ้นฮ่องกงและเอเชียอื่น รวมทั้งตลาดหุ้นไทยด้วย

ที่น่าสนใจคือ เหตุร้ายจากการระเบิดของเหมืองถ่านหินใต้ดินในจีน ทำให้การเข้มงวดเรื่องทำเหมือง ส่งผลให้ราคาถ่านหินในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ดันราคาหุ้นถ่านหินทั่วโลกรวมทั้งในไทยบวกแรงตามไปด้วย และคงจะไม่มีลักษณะขึ้นแบบ สงครามวันเดียว” แน่นอน

สำหรับตลาดหุ้นไทย แรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ดีดตัวตอบรับตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาสดใส และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงอัตราดอกเบี้ยติดลบ ขณะที่ปัจจัยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเป็นบวก 0.34% เชื่อว่าช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ ถือเป็นปัจจัยบวกทั้งสิ้น ต่อสู้กับการเทขายต่อเนื่องของต่างชาตินาน 2 สัปดาห์แล้วอย่างดี

ข่าวบวกเป็นระลอกของจีน และเอเชีย ในขณะที่มีปัจจัยถ่วงรั้งเศรษฐกิจโลกเพียงเรื่องเดียวคือ ราคาน้ำมัน ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับตลาดหุ้นจะร่วงเป็นขาลงยาวนานแบบเมื่อต้นปีนี้เริ่มจางหายไปอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นทั่วเอเชียที่ดีต่อเนื่อง (แม้จะย่ำแย่ในบางบริษัท) ได้ตอกย้ำให้เห็นว่า จากนี้ไป ยุคของจุดตกต่ำสุดของตลาดหุ้นในเอเชีย นับวันจะเป็นอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้นักลงทุนเริ่มเรียนรู้ที่จะแยกแยะความสัมพันธ์ระหว่างตลาดหุ้นกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และความผันผวนในตลาดโลก ในยามที่เงินทุนจากโลกตะวันตกไหลกลับมาตลาดเอเชียมากยิ่งขึ้น

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาจาก


98 Degree