
‘กรุงศรี’ คาดหุ้นกลุ่มมือถือเป็นบวก หลังการควบรวม TRUE และ DTAC เหตุสงครามราคาสงบ หันมาเน้นคุณภาพ
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เผยบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มไอซีทีมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้น เนื่องจากการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมมือถือเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งบริษัทต่างๆ ตั้งใจจะเน้นแข่งขันด้านคุณภาพบริการ มากกว่าการแข่งขันด้านราคา ทำให้แนวโน้มรายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้า (Average Revenue Per User: ARPU) จากที่เคยอยู่ในขาลงมาเป็นทรงตัวได้ดีตั้งแต่ปีนี้ รวมทั้งเชื่อว่าวัฏจักรขาลงของกลุ่มไอซีทีจบลงแล้ว หลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563
ฝ่ายวิจัยกรุงศรียังมองด้วยว่า แนวโน้มผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มนี้จะพลิกจากขาลงมาเป็นขาขึ้นตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป โดยแนะนำซื้อทั้ง ADVANC โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 250 บาทต่อหุ้น และ TRUE ให้ราคาเป้าหมายที่ 10 บาทต่อหุ้น แต่เลือก ADVANC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม เพราะอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงและมีอัปไซด์ (Upside) ถึงราคาเป้าหมายมากกว่า
ส่วนแนวโน้มกำไรของกลุ่มไอซีทีในปี 2566 จะมีทิศทางบวกมากขึ้น การแข่งขันด้านราคาจะลดลงจากปีนี้ไป โดยมองว่าการควบรวมของ DTAC และ TRUE ถือเป็นหมากเปลี่ยนเกม (Game Changer) สำหรับอุตสาหกรรมไอซีทีในทางทฤษฎีแล้ว กลยุทธ์ด้านราคาดูไม่มีความจำเป็นสำหรับบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีผู้เล่นน้อยราย อย่างเช่นธุรกิจสื่อสารในประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งสิ่งที่เป็นข้อพิสูจน์ถึงความถูกต้องของทฤษฎีนี้ก็คือ การที่ ADVANC ในฐานะที่เป็นผู้นำตลาด แสดงเจตจำนงว่าจะไม่ใช้กลยุทธ์ด้านราคาโดยการยกเลิกแพ็กเกจราคาต่ำตั้งแต่ไตรมาส 4/65
ก่อนหน้านี้ TRUE มีความพยายามชิงส่วนแบ่งตลาดด้วยการใช้กลยุทธ์ด้านราคา โดยจะมีจำนวนผู้ใช้บริการทั้ง Postpaid และ Prepaid สูงกว่า ADVANC หลังการควบรวม ดังนั้น การใช้กลยุทธ์ด้านราคาจึงดูไม่มีความจำเป็นเช่นกัน ฝ่ายวิจัยคาดว่า กำไรของกลุ่มจะเติบโตจากปีที่ผ่านมา 7-8% ในปี 2566 หลังจากที่ลดลงอย่างมากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการรวมของบริษัทมือถือในไตรมาส 4/65 มีผลขาดทุนสุทธิเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ 4,900 ล้านบาท จากที่มีกำไรสุทธิ 3,700 ล้านบาทในงวดไตรมาส 3/65 และกำไรสุทธิ 7,000 ล้านบาทในไตรมาส 4/64 โดยสาเหตุสำคัญเป็นเพราะ TRUE มีผลขาดทุนอย่างหนักถึง 1.31 หมื่นล้านบาท จากการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ก่อนรวมกิจการ แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรของกลุ่มยังคงอ่อนแอมากอยู่ดีที่ 2,800 ล้านบาท ซึ่งแย่ลงเมื่อเทียบจากปีที่แล้ว (-53%) และไตรมาสต่อไตรมาส (-34%)
บริษัทที่ฉุดกำไรของกลุ่มคือ DTAC และ TRUE ซึ่งผลประกอบการแย่ลงเพราะมีการใช้กลยุทธ์การแข่งขันด้านราคา และต้นทุนค่าสาธารณูปโภคสูงขึ้น แต่ในทางกลับกัน ผลประกอบการของ ADVANC ในงวดไตรมาส 4/65 ดีขึ้น สำหรับแนวโน้มรายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าเพิ่มขึ้น เพราะบริษัททยอยยกเลิกแพ็กเกจราคาต่ำ และจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการใช้นโยบายคุมต้นทุนมากกว่าเดิม ทำให้เห็นว่าการที่ผู้ให้บริการหันมาเน้นที่การบริการที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพมากกว่าการหั่นงบฯ ราคา