ดราม่าสุดระอุ! ทรัมป์ลั่นไล่พาวเวลล์ จริงหรือแค่ขู่?
เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา เกิดกระแสฮือฮาในแวดวงการเงิน เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เชิญ ส.ส. พรรครีพับลิกันเข้ามาหารือในทำเนียบขาว
พร้อมโบกสำเนาจดหมายฉบับร่างที่เตรียมไว้เพื่อ “ปลด” เจอโรม พาวเวลล์ จากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ทันทีที่ข่าวนี้หลุดออกมา ตลาดหุ้นและค่าเงินดอลลาร์ต่างปรับฐานลงเล็กน้อย
ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นเมื่อทรัมป์ออกมายืนยันว่า เจตนาจริงๆ แล้วเป็นเพียงการ “หยั่งเชิง” และจะไม่เดินหน้าไล่พาวเวลล์ เว้นแต่จะพบหลักฐานทุจริตอย่างเป็นทางการ

เบื้องหลังเรื่องนี้ เริ่มจากการประชุมลับที่ทรัมป์นัด ส.ส. กลุ่มหนึ่งมาหารือเรื่องกฎหมายคริปโตเคอร์เรนซี แต่ดันโยงประเด็นไปถึงการปลดพาวเวลล์ ส.ส. เกือบทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุมแสดงความเห็นสนับสนุนไอเดียนี้
แหล่งข่าวระบุว่า จดหมายปลดพาวเวลล์เป็นเพียง “พร็อป” ที่คนรอบข้างเตรียมมาให้ ไม่ใช่เอกสารทางการที่ทรัมป์ลงนามเอง
ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า นี่คือกลยุทธ์ทางการเมืองเพื่อกดดัน Fed หรือเป็นการส่งสัญญาณมวลชนเท่านั้น
ปัจจัยที่ทำให้ทรัมป์แสดงท่าทีแข็งกร้าวมาจากความไม่พอใจที่พาวเวลล์ไม่ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ต้องการ
รวมถึงโครงการปรับปรุงสำนักงาน Fed มูลค่ากว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ ที่ทรัมป์มองว่าเกินจำเป็นและเป็นการใช้เงินประชาชนอย่างเกินควร จึงหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้างกดดันให้ Fed เร่งผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน
อย่างไรก็ดี เมื่อถูกนักข่าวถามใน Oval Office ทรัมป์ปฏิเสธชัดว่า ไม่มีแผนจะปลดพาวเวลล์ “ยกเว้นจะมีเหตุทุจริตอย่างชัดเจน” คำยืนยันนี้ช่วยให้ตลาดการเงินพลิกฟื้นอย่างรวดเร็ว
นักลงทุนกลับมาแห่ซื้อหุ้นและดอลลาร์ปรับตัวขึ้นอีกครั้ง แม้จะยังมีความระแวดระวังต่อสัญญาณการเมืองที่อาจส่งผลต่ออิสระภาพของ Fed
ฝั่งสภาคองเกรสเองก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ส.ว. รีพับลิกันหลายคนเตือนว่า การปลดประธาน Fed จะทำลายหลักการ “ความเป็นอิสระ” ของธนาคารกลาง เพิ่มความเสี่ยงความผันผวนทางเศรษฐกิจ
และอาจละเมิดกฎหมายที่กำหนดให้ปลดประธาน Fed ได้เฉพาะเมื่อมี “มูลความผิดจริง” เท่านั้น
ด้านพาวเวลล์ออกมาส่งสัญญาณตอบโต้ว่า หากไม่มีนโยบายภาษีหรือสงครามการค้าเข้มข้นกว่านี้ Fed อาจลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว
พร้อมย้ำว่า การตัดสินใจเรื่องนโยบายการเงินต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองมากเกินไป ข้อความนี้ช่วยยืนยันว่าความเป็นกลางของ Fed ยังคงเป็นเกราะป้องกันสำคัญ
สรุปแล้ว แม้ดราม่าครั้งนี้จะเป็นการ “ซ้ำเดิม” ของทรัมป์ที่เคยพูดถึงการปลดพาวเวลล์หลายครั้งก่อนหน้านี้
แต่ปฏิกิริยาของตลาดและนักการเมืองแสดงให้เห็นว่า เส้นแบ่งระหว่างนโยบายการเมืองและการบริหารเศรษฐกิจยังเป็นประเด็นละเอียดอ่อน
นักลงทุนจึงยังคงจับตาทุกย่างก้าวของทั้งทำเนียบขาวและ Fed อย่างไม่ลดละ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยและความผันผวนของตลาดในอนาคตอย่างใกล้ชิด
เนื้อหาที่มาจาก.. KIM Property Live