ห้องเม่าปีกเหล็ก

เทศกาล Black Friday ผ่านไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นบ้างในโลกของค้าปลีก ... ?

โดย SiTh LoRd PaCk
เผยแพร่ :
77 views

- Online shopping will continue to grow much faster than store sales.
ช๊อปปิ้งออนไลน์มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเร็วกว่าร้านค้าปลีกโมเดิร์นเทรด

ด้วยนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐร่วมมือกับเอกชนเพื่อส่งเสริมให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนชาวอเมริกา เทศกาล Black Friday เป็นสิ่งที่เลื่องชื่อมากในปัจจุบันไม่ใช่แค่จำกัดในอเมริกาเท่านั้นแต่วัฒนธรรมการลด แหลก แจก แถม ยังแพร่กระจายไปทั่วโลกด้วย

เทศกาล Black Friday คือ เทศกาลลดราคาสินค้าเพื่อจูงใจให้ประชาชนออกมาซื้อของเข้าบ้านถือว่าเป็นนโยบายทางเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จนโยบายหนึ่งในปัจจุบัน มีผู้ประกอบการร้านค้า รวมถึงผู้ประกอบการยักาใหญ่อย่าง Wal-mart ออกมาให้สัมภาษณ์ว่ายอดขายเพียงไตรมาสเดียวพุ่งสูงถึงระดับพันล้านเหรียญสหรัฐเลขทีเดียว ถึงแม้ว่าประชาชนจะรู้ว่าอีกไม่กี่วันก็จะใกล้เทศกาลคริสต์มาสช่วงเดือนธันวาคมอาจจะมีการจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการซื้อสินค้าอีกแต่ก็คงไม่มีอะไรหยุดยั้งเงินในกระเป๋าของพวกเขาได้ ถ้าพวกเขาอยากจะใช้เงิน !

โบรคเกอร์แห่งหนึ่งวิเคราะห์ว่าการจับจ่ายใช้สอยของปีนี้ดีกว่าปีที่แล้วถึง 3.6% และคาดว่าน่าจะดีกว่าเทศกาลคริสต์มาสอีกด้วย ต้องขอบคุณเศรษฐกิของอเมริกาที่นับวันจะดีวันดีคืน ค่าจ้างเริ่มสูงขึ้น อัตราการว่างงานต่ำ ไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นบริษัทค้าปลีกกลับมาทำกำไรนิวไฮได้อีกครั้ง

เรามาดูกันว่ามีเรื่องอะไรที่น่าเรียนรู้กันบ้างเมื่อเทศกาล Black Friday ผ่านพ้นไป
1. More shoppers will hit stores and the web than last year - นักช็อปปิ้งเข้าร้านค้าและซื้อของผ่านเว็บโดยรวมมากกว่าปีที่แล้ว
The National Retail Federation (NRF) วิเคราะห์ว่าเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมามีประชาชนชาวอเมริกาเข้าดูเว็บไซด์ร้านค้าปลีกและ E-Commerce มากกว่า 137.4 ล้านคนซึ่งมากกว่าเมื่อปีที่แล้วประมาณ 135.8 ล้านคน เป็นสิ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจของอเมริกาดีขึ้น และการดำเนินนโยบายเริ่มที่จะมาถูกทาง

2.More shoppers will go online than to stores - นักช็อปส่วนใหญ่ซื้อของออนไลน์มากกว่าที่จะเดินไปร้านค้าปลีกโมเดิร์นเทรด
ในปีที่แล้ว การท่องเว็บไซด์ E-Commerce และเดินเข้าร้านสโตร์มีปริมาณใกล้เคียงกันแทบจะไม่แตกต่าง แต่สำหรับปีนี้ด้วยความฉลาดของแผนการตลาดบริษัท E-Commerce ทำให้คนอเมริกานิยมซื้อผ่าน E-Commerce สูงถึง 40% เมื่อเทียบกับปี 2014 และจากผลสำรวจวิเคราะห์ว่าหนุ่มสาวยอมเสียเงินออมเพื่อการท่องเที่ยวมากถึง 51% เพื่อซื้อของในเทศกาล Black Friday

3. การแข่งขันอย่างดุเดือดในโลกของช็อปปิ้งออนไลน์ (แต่สุดท้ายแล้ว amazon ชนะ !)
Forrester Research คาดการณ์ไว้ว่าช่วงเทศกาล Black Friday จะมียอดขายสูงถึง 13% จากปีที่แล้วและจะแตะระดับหลักแสนล้านเหรียญเป็นครั้งแรก มันก็ทำได้จริงๆ สำหรับห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างวอล์มาร์ทมีการพัฒนาแอพลิเคชั่นผ่านมือถือเพื่อให้ผู้ใช้บริการซื้อของง่ายขึ้นด้วยการกดเพียง 2-3 ครั้ง และมีส่วนลดเมื่อใช้ผ่านโมบายแอพ ด้วยแผนการตลาดและการลดราคาอย่างน่าจูงใจทำให้วอลมาร์ทประสบความสำเร็จในช่วงเทศกาล Black Friday และขายสินค้าไปมากกว่า 23 ล้านชิ้นในช่วง 4 วันที่ผ่านมา

Kantar Retail survey พบว่าหนุ่มสาวยุคใหม่ 50% นิยมใช้ Amazon เป็นจุดเริ่มต้นในการหาสินค้าที่ตัวเองถูกใจและกดซื้อมันในวันนั้นเลย ซึ่งเพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้ว สำหรับปีนี้ Amazon ใช้กลยุทธ์การตลาด "#ของขวัญเบอร์ 1 สำหรับทุกคน" โดยการลดราคาสินค้ามากกว่าปกติ การส่งสินค้าที่รวดเร็วมากและง่ายต่อการสั่งออเดอร์ต่อไปโดยไม่ต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก ในขณะที่ Walmart และ Kohl’s ก็พยายามพัฒนาแอพลิเคชั่นให้กดจ่ายเงินง่ายกว่าโดยไม่ต้องลงทะเบียนให้ยุ่งยาก


4. เทศกาล Black Friday นิยมลดราคาของเล่นและโทรทัศน์มากกว่าเสื้อผ้า
ด้วยแผนการตลาดที่ดุดันของ Walmart ทำให้เป็นเป้าหมายของนักช็อปว่าจะซื้อสินค้าจำพวกของเล่นและโทรทัศน์ ซึ่งจะลดราคาลงจากป้ายที่ลดแล้วมากถึง 11% ห้างสรรพสินค้า Target ก็ใช้กลยุทธ์เดียวกันแต่ก็ไม่ได้โดดเด่นเท่ากับ Walmart

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคอาจจะผิดหวังได้สำหรับสาวๆที่อยากจะซื้อเสื้อผ้า เพราะราคาก็ไม่ได้ลดให้มันจูงใจมากนัก อย่างไรก็ตามทีมการตลาดมีความคิดที่น่าสนใจว่าจะพยายามเก็บสินค้าจำพวกเสื้อผ้าไปลดราคาช่วงคริสต์มาสที่จะมาถึงดีกว่าเพราะคนนิยมซื้อเสื้อผ้าในช่วงนั้นมากกว่าเพื่อต้อนรับปีใหม่ที่จะมาถึง

และนี้ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจ .. สรุปมาจากนิตยสาร Fortune ครับ
สรุปและแปลโดย SiTh LoRd PaCk

10 อันดับแรก E-Commerce มาแรง


SiTh LoRd PaCk