BCP แนวโน้มดี แต่จากการปรับปรุง ETL
เป้า EBITDA 1 แสนลบ. ในปี 2573 มีความเป็นไปได้มากขึ้น BCP ยืนยันเป้าหมาย กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ 1 แสนลบ.ภายในปี 2573 เพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่าจาก EBITDA เฉลี่ยในช่วงปี 2561-2565 ที่ 1.9 หมื่นลบ.
โดยเป้าหมายการเติบโตของ EBITDA ที่สูงดังกล่าวจะได้รับแรงหนุนหลักจากการดำเนินธุรกิจปัจจุบันที่ยอดเยี่ยม การเข้าซื้อกิจการบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ETL) และแผนการขยายธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) (OKEA) ทั้งนี้ ผู้บริหารเชื่อว่าการเข้าซื้อกิจการ ETL จะเป็นการก้าวกระโดดไปสู่เป้าหมาย EBITDA ดังกล่าว ในขณะที่การขยายธุรกิจ E&P จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนถัดไป
การดำเนินงานในปัจจุบันที่ยอดเยี่ยม BCP เชื่อว่าความพยายามในอดีตในการปรับปรุงโรงกลั่นและการดำเนินการด้านการตลาดขายปลีกน้ำมันของบริษัทฯ นั้นประสบความสำเร็จ เนื่องจากค่าการกลั่นของ BCP เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงกว่าคู่แข่งและค่าการกลั่นสิงคโปร์
ในขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นก็สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มกำลังอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ ยอดขายน้ำมันต่อสถานีบริการน้ำมันของ BCP ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมและ ETL เอง ทั้งนี้ ความพยายามและความรู้ดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานของ ETL นอกเหนือจากการปรับปรุงจากการผนึกกำลังในการดำเนินงาน
Upside ต่อการผนึกกำลังระหว่าง BCP-ETL BCP เชื่อว่าผลประโยชน์ของการผนึกกำลังที่ 2-3 พันลบ.ที่ได้เปิดเผยก่อนหน้านี้นั้นมี upside อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการยกเลิกสัญญาการให้บริการระหว่าง ExxonMobil กับ ETL ได้ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้ทันทีถึง 1.5 พันลบ./ปี แล้ว
ในขณะที่การผนึกกำลังในการดำเนินงานอื่น ๆ ก็อิงจากประมาณการแบบอนุรักษ์นิยมเช่นกัน นอกจากนี้ การผนึกกำลังเหล่านี้ยังไม่ได้รวมผลประโยชน์ที่จะได้จากกิจกรรมการผนึกกำลังที่ต้องใช้เงินลงทุน (CAPEX) เพิ่มเติม เช่น การทำ LP ของ 2 โรงกลั่นร่วมกัน การลดปัญหาคอขวด ตลอดจนการดำเนินการใด ๆ นอกเหนือจากการดำเนินงานในปัจจุบัน เช่น การกลับมาดำเนินการหน่วยผลิต PX และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
แนวโน้มกำไรครึ่งหลังของปี 2566 แข็งแกร่ง ผู้บริหารมองว่าแนวโน้มกำไรครึ่งหลังของปี 2566 จะปรับตัวดีขึ้น จากค่าการกลั่น (GRM) ที่แข็งแกร่ง การพลิกมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน การรวมกำไรของ ETL และการรับรู้กำไรจากการต่อรองราคาซื้อจากการตีมูลค่าสินทรัพย์ของ ETL ใหม่จำนวน 5 พันลบ. - 1 หมื่นลบ.
ทั้งนี้ ผู้บริหารกล่าวว่ากำไรพิเศษจากการต่อรองราคาซื้อดังกล่าวน่าจะอยู่ในช่วงสูง เนื่องจากกำไรจากการประเมินราคาที่ดิน (โรงกลั่นและสถานีบริการ 200 แห่ง) ก็อาจสูงถึง 4 พันลบ. แล้ว
คงคำแนะนำ “ถือ” แต่เพิ่ม TP เป็น 42.9 บาท ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสะท้อนการประเมินราคาสินทรัพย์ใหม่/การผนึกกำลัง โดยการปรับดีขึ้นส่วนใหญ่มาจาก ETL
