ห้องเม่าปีกเหล็ก

เรียนสาย IT ยุคนี้ต้องไม่โลกสวย

โดย eye
เผยแพร่ :
45 views

เรียนสาย IT ยุคนี้ต้องไม่โลกสวย บัณฑิตจบใหม่หางานทำยากขึ้น เพราะบริษัทส่วนใหญ่ใช้ AI เขียนโค้ดแทนคน

.ตอนที่ เอ็ดดี้ ฮาร์ต เพิ่งเรียนจบด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และความปลอดภัยไซเบอร์จากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิลเมื่อปี 2024 เขาทราบดีว่าการหางานในสายเทคโนโลยีนั้นยาก แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะยากขนาดนี้

.ปัญหาที่เขาพบคือ แม้แต่ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นต่างๆ ก็มักจะต้องการประสบการณ์ทำงานจริงอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป โดยเขายอมรับว่า นี่แทบทำให้หมดกำลังใจในการหางาน และเชื่อว่าปัจจัยหลักที่ทำให้บัณฑิตสาย IT รุ่นเขาหางานกันยากขึ้นนั้นมาจาก AI

.

 

เพราะบริษัทส่วนใหญ่ยุคนี้ใช้ AI กันมากขึ้น โดยในส่วนของงานสาย IT การเขียนโค้ดง่ายๆ ที่บริษัทเคยไว้ใจให้เด็กจบใหม่หรือกลุ่มที่เพิ่งได้เริ่มทำงานครั้งแรก (First Jobber) ทำ เพื่อให้เป็นโอกาสสั่งสมประสบการณ์ ภายใต้การดูแลและสอนงานจากรุ่นพี่ๆ ในแผนก ได้ถูก AI แย่งงานไปเรียบร้อยแล้ว

.

เอ็ดดี้ ฮาร์ต กล่าวต่อว่า เขาและเพื่อนร่วมรุ่นอึดอัดและไม่พอใจกับเรื่องนี้ เพราะนอกจากต้องใช้เวลาหางานนานขึ้นกว่าคนสาย IT รุ่นก่อนๆ แล้ว ยังเชื่อว่า แม้ว่าบริษัทจะได้ประโยชน์จากการใช้ AI แต่ก็ไม่คิดว่าการแทนที่นักพัฒนาทั้งหมดด้วย AI จะเป็นเรื่องที่ยั่งยืน

.

การพัฒนา AI ให้ ‘ฉลาดขึ้น’ ในปัจจุบัน จนสามารถเขียนโค้ดระบบคอมพิวเตอร์ได้แล้วนั้น ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตำแหน่งงานในวงการเทคโนโลยีลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะตำแหน่งสำหรับนักพัฒนาและวิศวกรซอฟต์แวร์รุ่นใหม่

.

รายงานจากมูลนิธิเพื่อการวิจัยการศึกษาแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (NFER) ชี้ว่า จำนวนประกาศรับสมัครงานสายเทคฯ ลดลงถึง 50% ในช่วงปี 2019/20 ถึง 2024/25 โดยตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นได้รับผลกระทบหนักที่สุด ซึ่งต้นเหตุก็มาจาก AI

.

ประชานธ์ จันทรเสการ์ CEO ของ Stack Overflow กล่าวว่า เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับบัณฑิตจบใหม่ นอกจากนี้ เขายังเสริมว่า นักพัฒนาส่วนใหญ่เลือกที่จะทำงานที่เดิมต่อไปแม้จะไม่พอใจกับงานก็ตาม ผู้คนอาจจะกำลังมองหาความมั่นคงปลอดภัยมากกว่า ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้เด็กจบใหม่หางานแรกในสายอาชีพได้ยากยิ่งขึ้น

.

ทว่าสถานการณ์นี้ก็มาพร้อมความย้อนแย้ง โดยขณะที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์เองก็หันมาใช้เครื่องมือ AI ช่วยเขียนโค้ดกันอย่างแพร่หลาย แต่กลับน่าแปลกที่พวกเขากลับไม่ค่อยไว้วางใจผลลัพธ์ของมันเท่าไรนัก

.

ความย้อนแย้งดังกล่าวยืนยันได้จากผลสำรวจของ Stack Overflow แพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ว่า นักพัฒนาเกือบครึ่งหนึ่งใช้เครื่องมือ AI ทุกวัน แต่มีเพียงหนึ่งในสามเท่านั้นที่เชื่อมั่นในผลลัพธ์ที่ได้

.

ความเครียดจากการหางานของผู้ที่เรียนสาย IT ยุคนี้ยังไม่หมดแค่นั้น ซึ่งต้นเหตุก็ยังคงมาจาก AI

.

เอ็ดดี้ ฮาร์ต เล่าว่าเขาเคยเจอกระบวนการสมัครงานอัตโนมัติที่มีถึง 8 ขั้นตอน โดยด่านแรกคือการตอบคำถามสไตล์ข้อสอบเกี่ยวกับตัวเอง 20 ข้อ ซึ่งกินเวลาไปหลายชั่วโมง เพื่อนของเขาบางคนถึงกับต้องอัดวิดีโอตอบคำถามสัมภาษณ์แล้วอัปโหลดขึ้นไป

.

จากนั้นก็มาถึงจุดสำคัญนั่นคือการที่คำตอบและคุณสมบัติต่างๆ ของผู้สมัครต้องผ่านการตรวจสอบของ AI โดย เอ็ดดี้ ฮาร์ต กล่าวว่า บริษัทยุคนี้ใจร้ายเกินไป ที่ขั้นตอนการปฏิเสธและแจ้งว่าไม่ได้งานก็ยังเป็นไปแบบอัตโนมัติ และเป็นหน้าที่ของ AI แทนที่จะเป็นคนจริงๆ เพราะมันทำให้รู้สึกเหมือนเราไม่ได้รับความเคารพ

.

โคลิน บัณฑิตสาย IT ชาวอังกฤษอีกคน ซึ่งเป็นร่วมรุ่นกับ เอ็ดดี้ ฮาร์ต ก็ผ่านสถานการณ์เดียวกันมาแล้ว โดยเขาเผยว่า เขาใช้เวลาเกือบหนึ่งปีเต็มในกระบวนการรับสมัครงานกับบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ

.

เขายังบอกอีกว่าแม้แต่บริษัทเล็กๆ ก็มักใช้ AI คัดกรองใบสมัคร ทำให้เขาต้องปรับประวัติเพื่อให้ตรงตามเกณฑ์ที่ AI จะให้ผ่าน แต่สุดท้ายก็จบแบบตลกร้าย เพราะคนที่สัมภาษณ์กลับมาถามประวัติของเขาที่ผ่านการตรวจจาก AI มาแล้วซ้ำอีก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนที่สัมภาษณ์ไม่ได้อ่านประวัติย่อของเขาเลย

.

ทั้งฮาร์ตและโคลินต่างรู้ดีว่าตำแหน่งงานระดับซีเนียร์ (Senior) ยังคงมีอยู่ แต่พวกเขาก็สงสัยว่าใครจะขึ้นไปทำตำแหน่งเหล่านั้นได้ หากนักพัฒนาซอฟต์แวร์รุ่นใหม่อย่างพวกเขาไม่มีโอกาสได้เริ่มต้นทำงาน

.

พอล ดิกซ์ CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง InfluxData บริษัทดาต้าเบสในแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่าไม่ว่าจะเป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นักพัฒนาซอฟต์แวร์รุ่นใหม่และบัณฑิตจบใหม่คือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดเสมอ

.

จันทรเสการ์ จาก Stack Overflow ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เดิมทีอุตสาหกรรมนี้มีรูปแบบคล้ายการฝึกงาน ที่มีคนรุ่นใหม่เข้ามาเรียนรู้จากรุ่นพี่ และตอนนี้บริษัทที่ลงทุนกับเทคโนโลยี AI อย่างหนักก็อยู่ภายใต้แรงกดดันที่ต้องแสดงผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นให้เห็น ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการลดการจ้างงานลง

.

แม้ผลสำรวจของ Stack Overflow จะพบว่านักพัฒนา 64% มองว่า AI เป็นภัยคุกคามต่องานของตน แต่ตัวเลขนี้ก็ลดลงจากปีก่อน 4% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตอนนี้พวกเขาเริ่มเห็นข้อจำกัดของมันแล้วว่ายังไงก็ต้องมีมนุษย์คอยควบคุม

.

เขายังชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในอดีตก็เคยทำให้เกิดความกลัวว่าตำแหน่งงานจะหายไป แต่สุดท้ายมันกลับสร้างงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพราะผู้คนค้นพบปัญหาและความท้าทายใหม่ๆ อยู่เสมอ

.

ด้าน ราจีฟ รามาสวามิ CEO ของ Nutanix มองในแง่ดีว่า เด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยบางคนกลับมีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือ AI มากกว่าการเขียนโปรแกรมแบบดั้งเดิมเสียอีก และตลาดผู้มีความสามารถในตอนนี้ดีที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว

.

แต่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจมาไม่ทันบัณฑิตที่จบในวันนี้ ยืนยันได้จากสถานการณ์ในปัจจุบันของคนต้นเรื่อง 2 คนที่แตกต่างกัน

.

เอ็ดดี้ ฮาร์ต โชคดีได้งานในตำแหน่งวิศวกรความปลอดภัยที่บริษัท Threatspike ในอังกฤษ และได้งานนี้ผ่านกระบวนการที่เน้นปฏิสัมพันธ์กับคนจริงๆ ตามที่ต้องการ ส่วนโคลิน ถอดใจไม่ทำงานในสาย IT ที่เรียนมา และกำลังเบนเข็มไปเป็นตำรวจแทน

.

สถานการณ์ในอังกฤษเป็นไปในทิศทางเดียวกับในอินเดีย โดยเมื่อปี 2024 บริษัทในอุตสาหกรรม IT ของอินเดีย รับบัณฑิตจบใหม่เข้าทำงานเพียง 150,000 คนเท่านั้น ต่างจากในอดีตที่เฉลี่ยสูงถึง 600,000 คนต่อปี

.

ขณะที่ Tata Consultancy Services (TCS) บริษัทด้าน IT ในเครือ Tata Group ของอินเดีย ซึ่งเป็นทั้งบริษัทใหญ่สุดในธุรกิจนี้และหนึ่งในบริษัทใหญ่สุดของอินเดียด้วย ได้ประกาศปลดพนักงานระดับผู้จัดการและผู้บริหารอาวุโส รวมกว่า 12,000 ตำแหน่ง

 

 

 

ที่มา.  Marketeer Online


eye