ห้องเม่าปีกเหล็ก

โบรกเชื่อ'หุ้นไทย'ยังมีอัพไซด์ หลังตลาดแพนิก ศึกรัสเซีย-ยูเครน

โดย บุปผาวดี
เผยแพร่ :
64 views

โบรกเชื่อ'หุ้นไทย'ยังมีอัพไซด์ หลังตลาดแพนิก ศึกรัสเซีย-ยูเครน

"บล.เอเซีย พลัส" คาดความตึงเครียด รัสเซียกับยูเครน กระทบหุ้นไทยระยะสั้น เชื่อโอกาสเกิดสงครามน้อย คาดฟันด์โฟลว์ไหลเข้าต่อเนื่องด้านบล.กสิกรไทย ชี้ หากเกิดสงคราม มองเป็นจังหวะเข้าซื้อ รับผลตอบแทนดี 3 เดือนข้างหน้า

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ได้จัดLIVE SET-IAA Hot issue หัวข้อ“รัสเซีย-ยูเครน ส่อประทุ ผู้ลงทุนควรตั้งรับอย่างไร”วานนี้ (25 ก.พ. 2565)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส ว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงวานนี้ (24 ก.พ) สาเหตุจากนักลงทุนวิตกกังวลรัสเซียเข้าโจมตียูเครน ส่งผลกระทบเชิงลบกดดันตลาดหุ้นไทย โดยมองว่าเป็นการปรับฐานในช่วงสั้น

ทั้งนี้จากประเมินว่าสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทยค่อนข้างจำกัดในเชิงเปรียบเทียบหากสถานการณ์ไม่ลุกลามขยายวงสู่สงครามโลก ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าโอกาสเกิดสงครามโลกก็น้อยมาก

นอกจากนี้คาดเม็ดเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้ามาในภูมิภาคและไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity)ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งหุ้นกลุ่มคอมมูนิตี้ และหุ้นเศรษฐกิจเก่า มีน้ำหนักค่อนข้างมากในโครงสร้าง  ดังนั้น ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยก็ไม่ได้น่ากลัวมาก

นายเทิดศักดิ์  กล่าวว่า ระยะสั้นยังคงมีปัจจัยเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซียกดดัดอยู่  ทำให้ดัชนีมีดาวน์ไซด์ที่  1,675 จุด แต่หากยืนไม่อยู่จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,650 จุด และ 1,630 จุด แต่ยังคงมุมมองอัพไซด์ กรณีฐานไว้ที่ 1,810 จุด และหากสถานการณ์คลี่คลายในทิศทางดีขึ้น กรณีดีที่สุดดัชนีไปถึง 1,860 จุด 

แนะว่า เมื่อดัชนีปรับตัวลงเป็นจังหวะเหมาะสมเข้าซื้อหุ้นพื้นฐานดีและมีโอกาสเติบโต เช่น  กลุ่มแบงก์ ,ค้าปลีก,วัสดุก่อสร้าง และหุ้นเปิดเมือง

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตอนนี้สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนอยู่แค่เฟส 1 ยังไม่น่ากังวลมากนัก แต่หากเข้าสู่เฟส 2 คือสามารถยึดพื้นที่ในดอนบาสของยูเครนได้ทั้งหมด และมีการคว่ำบาตร 3 แบงก์หลักของรัสเซีย รวมถึงท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 1 ด้วย หาก 3 ปัจจัยดังกล่าวเกิดขึ้นจะเป็นการยกระดับให้สถานการณ์ต่างๆ ให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น ยังต้องติดตามต่อไป  

สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทย มองว่า กรณีแรก ตราบใดที่ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังไม่มีพัฒนาการไปถึง เฟส 2 ไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก และ16 มี.ค.นี้ เฟดยังคงขึ้นดอกเบี้ย 0.5%  คาดดัชนีตลาดหุ้นไทย เคลื่อนไหวแนวรับที่ 1,650-1,675 จุด   และกรณีที่สอง ถ้าเฟดกลับลำ ขึ้นดอกเบี้ยแค่ 0.25% ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นทะลุ 1,700 ทันที

กรณีที่สาม หากเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5% พร้อมส่งสัญญาณลดสภาพคล่องทันที รวมถึงยังคงมีความไม่สงบระหว่างประเทศ มีโอกาสมากที่ดัชนีจะหลุด 1,600 จุด และหากความตึงเครียดรัสเซียและยูเครนยกระดับไปถึงเฟส 2 ความกังวลจะกลับอีกครั้งหนึ่ง 

นอกจากนี้ยังต้องติดตามการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง อาจกระทบกับการกลับมาเปิดประเทศ รวมไปถึงสถานการณ์ความไม่สงบการเมืองในประเทศ อาจทำให้การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติรอบนี้หยุดลง

ดังนั้นแนะนำว่าหากความขัดแย้งระหว่างประเทศ มีการเปิดศึก ถือเป็นจุดต่ำสุด เป็นจังหวะของการเข้าซื้อหุ้นไทยทำมีโอกาสทำกำไรในระยะ 3 เดือนข้างหน้า 

 


บุปผาวดี