“Recession” ตั้งเค้ากดดัน “หุ้น” ยังผันผวนต่อเนื่อง...
ส่วน “ตราสารหนี้” ต้องเน้นคุณภาพ !!!

.
Fun of Funds: เข้าสู่ “ปีกระต่าย-2023” พร้อมคำเตือนของ “กองทุนการเงินระหว่างประเทศ” (IMF) ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเป็นปีที่ยากลำบากรุนแรงกว่าปีเสือที่ผ่านมา คาดว่า 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ “ภาวะถดถอย” (Recession)
.
โดยมี “ยุโรป” และ “จีน” เป็นเป้าหมายหลัก ในขณะที่ “สหรัฐ” อาจพอหลีกเลี่ยงได้ นั่นทำให้ภาพของ “ตลาดเกิดใหม่” ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาภาพจะเลวร้ายยิ่งกว่า
.
แต่ “The Show Must Go on” เช่นเดียวกับโลกของการลงทุนที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ในทุกวงจรเศรษฐกิจย่อมมี “โอกาสลงทุนเสมอ” แม้ในปีที่ยากลำบากก็เช่นกัน
.
ตามไปอัพเดทมุมมองการลงทุนใน “ปีกระต่าย-23” กับทีมงาน ‘โต๊ะกองทุน Wealthythai’ พร้อมๆ กันได้เลย
.
เศรษฐกิจโลกปี23 แนวโน้มชะลอตัว...“หุ้น” ยังผันผวน- “ตราสารหนี้” มีเสถียรภาพมากขึ้น
.
โดย “สุรเดช เกียรติธนากร” กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย มองว่า การเติบโตเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงในปี23 ผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางต่างๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มชะลอตัว จากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และอุปสงค์ที่ชะลอลง ทำให้ “ตลาดหุ้น” จะยังมีความผันผวน “เงินเฟ้อ” เริ่มมีสัญญาณชะลอตัว Cycle อัตราดอกเบี้ยเข้าใกล้ “จุดสูงสุด” ทำให้ราคาตราสารหนี้เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
.
“ปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก ทิศทางตัวเลขเงินเฟ้อ ทิศทางนโยบายทางการเงินของธนาคารกลาง ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ความคืบหน้าการเปิดประเทศอย่างสมบูรณ์ของจีน รวมทั้งการเลือกตั้งของไทย”
.
ปักธงรอ “จีน” เปิดประเทศ...แนะ “ทยอยสะสม” ราคาถูก-หวังผลระยะยาว
.
สำหรับ “จีน” เริ่มผ่อนคลายนโยบายการควบคุม COVID-19 มากขึ้น และเตรียมเปิดประเทศ ปัญหาในภาคอสังหาฯจะอยู่ในวงจำกัด และรัฐบาลจะมีการเข้าไปแก้ปัญหาเป็นจุดๆ แต่การฟื้นตัวยังต้องใช้เวลา ปัญหาห่วงโซ่อุปทานเริ่มคลี่คลาย ความเข้มงวดด้านกฎระเบียบเริ่มผ่อนคลาย ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ทำให้จีนสามารถใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายต่อไปได้ สวนทางกับประเทศอื่นๆ ที่เป็นแบบตึงตัวมากขึ้น
.
“หุ้นจีนระดับราคาหุ้นต่ำกว่าตลาดอื่นมาก การปรับตัวลดลงมามากทำให้โอกาสการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวโดดเด่น ดังนั้น ใครยังไม่มีหุ้นจีนในพอร์ต อาจใช้จังหวะนี้ ‘ทยอยสะสม’ กองหุ้นจีนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวที่โดดเด่น รวมถึงหุ้นเอเชียที่ได้ประโยชน์จากการที่จีนเปิดประเทศ”
.
“สหรัฐ-ยุโรป” เตรียมรับมือเศรษฐกิจถดถอย...แนะ “รอจังหวะกลับเข้าลงทุน”
.
ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจ “สหรัฐ” และ “ยุโรป” มีโอกาสเข้าสู่ “ภาวะถดถอย” (Recession) ในปี23 โดยในช่วงครึ่งแรกของปี คาดว่าความผันผวนของตลาดยังมีจากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเห็นสัญญาณตัวเลขเศรษฐกิจชะลอลงต่อเนื่อง และคาดการณ์ปรับกำไรบริษัทจดทะเบียนในอนาคตลง ในขณะที่ “ธนาคารกลางสหรัฐ” (Fed) ยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ และยังคงติดตามพัฒนาการของเงินเฟ้อเป็นสำคัญ ซึ่งจะทำให้ path ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ว่าจะไปจบที่ระดับสูงสุดเท่าไหร่ (terminal rate) แต่คาดว่า Fed จะคงไว้ที่ระดับสูงยาวนานกว่าที่ตลาดคาด
.
“แนะนำ ‘รอจังหวะกลับเข้าลงทุน’ ในกองหุ้นสหรัฐและยุโรป โดยผ่านความผันผวนช่วงไตรมาส 1-2 เมื่อเริ่มมีสัญญาณดอกเบี้ยใกล้หยุดปรับขึ้นต่อ และความกังวลเศรษฐกิจถดถอยสะท้อนในการปรับคาดการณ์กำไรลงไประดับหนึ่งแล้ว โดยปัจจุบันนักวิเคราะห์ใน Bloomberg consensus คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวในช่วงไตรมาส 2/23”
.
“Sustainable” & “Defensive”…มีโอกาสฟื้นตัวเร็ว
.
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ “ธีมการเติบโตอย่างยั่งยืน” มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็ว เนื่องจากผสมผสานระหว่างการเป็นหุ้นที่มี Beta และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นกระแสรักษ์โลก หรือเมกะเทรนด์ต่างๆ
.
“ส่วนหุ้นที่มีความ ‘Defensive’ หรือมีความทนทานในทุกสภาพตลาด อย่างธีมการลงทุนด้าน Healthcare กลับมาน่าสนใจ จาก Valuation ที่ไม่สูง เป็นบริการที่มีความจำเป็นและมีรายได้สม่ำเสมอ”
.
คาด “เศรษฐกิจถดถอย”...หนุน “ตราสารหนี้คุณภาพดี” น่าสนใจกว่า “High Yield”
.
การปรับนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มใกล้ถึง “จุดสูงสุด” ของวัฏจักร โดยส่งสัญญาณการปรับดอกเบี้ยในระยะถัดไปที่ลดอัตราลง ประกอบกับ Flight to quality จากโอกาสการเกิด Recession ที่อยู่ระดับสูง ส่งผลดีต่อ “ตราสารหนี้ภาครัฐ” อัตราผลตอบแทนของ “ตราสารหนี้เอกชนคุณภาพดี” (Investment Grade) ที่ปรับสูงขึ้นตามดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล ประกอบกับแนวโน้ม Flight to quality หากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้น่าสนใจกว่าโดยเปรียบเทียบกับ “High Yield”
.
“ตลาดตราสารหนี้ปัจจุบัน สะท้อนถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตไปมากแล้ว การลงทุนในตราสารหนี้จึงมีความน่าสนใจมากขึ้นในภาวะที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสููง และราคาอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่ทยอยปรับขึ้นมา แต่อาจมีความผันผวนในบางขณะได้”
.
โดยการลงทุนใน “ตราสารหนี้ระยะสั้น” จึงสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจได้บนระดับความผันผวนที่ไม่สูง แต่หากรับความเสี่ยงได้มากขึ้นแนะนำให้รอดูจังหวะเข้าสะสม “กองทุนตราสารหนี้กลาง-ยาว” ซึ่งอาจมีความผันผวนอยู่แต่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น
.
ปิดท้ายด้วย “หุ้นไทย” ที่คาดว่าว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1,800 จุด ได้ ส่วน “หุ้นเวียดนาม” ราคาถูกในขณะที่คาดกำไรยังโตได้ 12% ในปีนี้ นี่เป็นมุมมองการลงทุน “ปีกระต่ายทอง-2023” ที่น่าจะใช้เป็นแผนที่การลงทุนได้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย