ห้องเม่าปีกเหล็ก

มองภาพใหญ่ เงินไหลไปทางไหน ในวันที่ตลาดโลกผันผวน

โดย เม่าคาวบอย
เผยแพร่ :
51 views
มองภาพใหญ่ เงินไหลไปทางไหน ในวันที่ตลาดโลกผันผวน
มองแบบ "เป็นกลาง" แล้วจะได้ "ไม่หลงทางและวางแผนถูก"
 
 
 
1. ดู “แผนที่” ก่อน ว่าตอนนี้เรายืนอยู่ตรงไหน ตาม BUSINESS CYCLE ของ Martin J Pring เอาอเมริกาเป็นต้นแบบ ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเพราะ “เศรษฐกิจ” เป็น “ขาขึ้น”อยู่ใน STAGE 3 กำลังเข้า 4 และไปจบที่ขึ้นดอกเบี้ยสุด Stage 5 จากนั้น Stage 6 เอาดอกเบี้ยลงตอนนั้นเศรษฐกิจจะเริ่ม RECESSION…ดังนั้น ซื้อหุ้นแต่ละ THEME ให้ถูก STAGE
 
2. เศรษฐกิจแต่ละประเทศ “ไม่พร้อมกัน” แบ่งเป็น DEVELOPED MARKET เช่น อเมริกา ยุโรป อันนี้เริ่มจะเข้าสู่ BEAR MARKET ล่ะ ส่วน EMERGING MARKET เช่น จีน กราฟกำลังเบรกแนวต้านดาวเทรนด์ และ FRONTIER MARKET เช่น เวียดนาม กำลังปรับฐานแบบแข็งแกร่ง…ดังนั้น โลกนี้ไม่ได้มีแต่อเมริกานะ
 
3. “เงินไหลไปตาม GDP” ปีหน้า เวียดนามโต 7.5% จีนปีนี้โต 4.5% ปีหน้า 5.8% ส่วนบ้านเรา คาด GDP น่าจะผ่านจุด BOTTOM ไปแล้วและปีหน้าจะโตขึ้น หลัก ๆ จากการเปิดเมือง ดังนั้นจะเอางินไว้ตรงไหนบ้างก็ลองไปตัดสินใจดูแล้วกัน
 
4. หุ้นตกทุกวันนี้เพราะคนกลัว “RECESSION” แต่เอาจริงๆ RECESSION หรือเศรษฐกิจถดถอย “ยังไม่เกิด” แต่คนกลัวไปก่อนแล้วและกลัวว่าจะกลายเป็น CRISIS ตามมา…RECESSION อาจภายใน 1 – 2 ปีข้างหน้านี้ มี 3 ทฤษฎี คือเกิดแน่ ๆ หรือไม่เกิด หรือเกิดแบบ SOFT LANDING
 
5. ความปั่นป่วนอยู่ที่ อเมริกา “เงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปี” 8.5% ซึ่ง FED คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยแบบใช้ยาแรงให้จบ ๆ ไป ปลายปีอาจเห็นดอกเบี้ย 3.5% และปีหน้าก็ขึ้นแค่ 0.25% และปี 2024 เริ่มลดดอกเบี้ย …ตามข้อแรก ก็เริ่มเศรษฐกิจขาลงล่ะ
 
6. ปลายปีข่าว ด่วนๆๆๆๆๆๆๆ ให้เราตกใจกันทุกวันนี้จะดีขึ้นไหม ? ตลาดรับข่าวว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ย 3.5% ปีนี้ แต่จาก DOT PLOT ของ FED เองคาด 3.38% ดังนั้น คาดเงินเฟ้อจะค่อย ๆ ลดลงใน Q4 เหลือ 5.2% และปีหน้า 2.6% และปีถัดไป 2.2% ถ้าเป็นไปตามคาด (หรือเปล่าไม่รู้) ข่าวที่เราตกใจกันทุกวันก็จะค่อย ๆ หมดไปในไตรมาส 3
ตั้งแต่อเมริกาขึ้นดอกเบี้ย + ทำ QT ดึงเงินออกจากระบบ หุ้นหลายตัวก็ตกมา "รับข่าวรอ" ไว้แล้ว กลุ่มไหนตกลงมาเกินพื้นฐานที่ควรจะตก ก็จะตกแบบจำกัด และเริ่มน่าสนใจ
 
7. Inverted Yield Curve ตามมาหลอกหลอนตลอด นั่นคือดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปีน้อยกว่า 2 ปี ลองดูสถิติเวลาเกิด IYC หลังจากนั้นอีก 1 – 3 ปี มักมาด้วยวิกฤติเศรษฐกิจ (ส่วนใหญ่จะเกิด แต่ไม่ได้เกิดทุกครั้ง) ซึ่งก็ตรงกับ TIMELINE ที่เราวางไว้ข้อแรก ๆ พอดี
 
8. SET INDEX เอาไงต่อ….ปัจจัยภายนอกรุมเร้า ปัจจัยภายในมีบวกลบอะไรบ้าง ล่าสุด “เงินเฟ้อไทย” 7% ถ้าไม่มีกองทุนชดเชยราคาน้ำมันป่านนี้คง 10% ไปแล้ว ดังนั้น BOT คาดว่าเงินเฟ้อจะ PEAK Q3 ที่ 8 – 9% ตลาดคงตกใจกันอีกรอบ พร้อมประกาศ “ขึ้นดอกเบี้ย” แต่บ้านเราคงขึ้นพอเป็นพิธี 2 ครั้งปีนี้ ครั้งละ 0.5 – 0.75% และคาดว่าจะเอาเงินเฟ้ออยู่ (จริงไม่จริงไปลุ้นกันอีกที)
 
9. “ข่าวร้ายที่สุดน่าจะอยู่ที่ Q3” และคาดว่าน่าจะเป็น BOTTOM ของปีนี้ และค่อย ๆ RECOVERY แต่อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายปลายปีคิดว่าไม่น่าจะดีไปกว่าต้นปี
 
10. SET ถ้ามอง FUNDAMENTAL ประกอบ ยกตัวอย่างบทวิเคราะห์แห่งหนึ่งให้เป้าหลายปีนี้ 1,720 ปีหน้า 1,820 และจะเริ่มลงในปีถัดไป ก็ตาม CYCLE ที่เขียนไว้ข้อแรก ๆ
 
11. หาจุด BOTTOM ให้เจอ แล้วจะได้คำใหญ่ ดู SET อย่าดู TECHNICAL อย่างเดียว แต่ต้องดู FUNDAMENTAL ด้วย แนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,550 ไม่ควรหลุดไปกว่า 1,500 - 1,530 จุด และกรณีที่เป็น worse case ที่สุดที่จะเกิดขึ้นคือ 1,420 จุด (อันนี้คือ แย่กว่าคิดแล้วผิดเกือบทุกสำนัก)
 
12. THEME ไหนเด่นตอนนี้ เช่น THEME ท่องเที่ยวเปิดเมือง เช่น โรงแรม ห้าง สายการบิน, THEME ดอกเบี้ยขาขึ้น เช่น ธนาคาร ประกันบางแห่ง, THEME พักเงินในกลุ่ม DEFENSIVE เช่น โรงพยาบาล โรงไฟฟ้า แต่สำคัญ…เลือกให้ถูกตัว
 
13. หาหุ้นที่ BOTTOM ให้เจอในไตรมาส 3 จะได้หุ้นดี ในเวลาที่เหมาะสม แล้วถือยาวไปอีก 2 ปีใครหาเจอคนนั้นคือ THE WINNER
 
14. ตอนนี้ SET SW DOWN เพื่อไปหา "จุดต่ำสุด" แล้วรอฟื้น หน้าที่ของเราคือ ตอนที่มีลงมาหนัก ๆก็ซื้อ พอขึ้นไปก็ทยอยขายทำกำไร ไม่งั้นจะเป็นกำไรทิพย์ เล่นรอบแบบนี้ไปก่อน จนกว่าจะควานหา BOTTOM
 
14. เขียนมาทั้งหมดแบบกลาง ๆ ไม่ได้มองแบบสุดโต่งเกินไป แบบโอ้โห SET จะ TO THE MOON หรือแบบ ตลาดจะพัง โลกจะแตก แต่มองด้วยตัวเลข มองด้วยสถิติ ลงทุนด้วยเหตุและผลมากกว่าความรู้สึก ที่สำคัญแบ่ง MM ให้ดีนะครับ
 
 
 
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมุลจาก..

FB.รวยหุ้นง่าย ๆ สไตล์ Dr.A


เม่าคาวบอย