ห้องเม่าปีกเหล็ก

เก็งกำไรหุ้นยางพารา เก็งราคาร่วงอาจเป็นเพียงช่วงสั้น

โดย Fin-trading
เผยแพร่ :
108 views

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย (อังคาร 7 ก.พ.) ถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นหลัก รับราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง ส่งผลต่อเนื่องฉุดหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งที่เกี่ยวโยงกับราคายางพาราลดลงตามไปด้วย 
 
 
“นารี อภิเศวตกานต์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) บอกกับ Money Channel ว่า ราคาหุ้นกลุ่มยางพาราปรับตัวลงในช่วงนี้ คงเป็นไปตามทิศทางราคายางพาราที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 10 วัน หลังเคยขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 5 ปีเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา 
 
 
เหตุที่ราคายางพาราลดลงช่วงนี้เป็นไปตามแนวโน้มค่าเงินเยนและค่าเงินบาทแข็งค่า ขณะตลาดคลายวิตกเกี่ยวกับผลผลิตยางขาดตลาดผลพวงจากน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ และล่าสุดก็มีการประมูลขายยางพาราในสต็อกรัฐเพิ่มเข้ามา 
 
 
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงของราคายางพาราในช่วงนี้ มองว่ามี “downside” จำกัด และน่าจะเป็นผลในระยะสั้น เพราะถ้าดูจากดีมานด์ต่างประเทศ โดยเฉพาะความต้องการของผู้ประกอบการในจีนพบว่ายังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมีวันหยุดยาวนานเกือบ 2 สัปดาห์จากเทศกาลตรุษจีน ทำให้ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องสต็อกยางเพิ่มเติม  
 
 
ค่ายฟิลลิปเลือกหุ้น Top pick ในกลุ่มนี้ คือ STA พร้อมคำแนะนำ “เก็งกำไร” เพราะราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวตามราคายางพาราซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ จึงมีความไม่แน่นอนของขาขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กำลังอยู่ระหว่างทบทวนปรับเพิ่มราคาพื้นฐานจากปัจจุบัน 17.80 บาท เพราะต้องปรับเพิ่มสมมติฐานราคายางพารา จากเดิมให้ไว้ที่ 55 บาท/กิโลกรัม แต่ปัจจุบันได้ขึ้นมายืนเหนือ 80 บาท/กิโลกรัมแล้ว 
 
 
ล่าสุด (อังคาร 7 ก.พ.) พบว่าราคายางแผ่นดิบอยู่ที่ 87.58 บาท/กิโลกรัม และยางแผ่นรมควัน ชั้น 3 อยู่ที่ 87.8 บาท/กิโลกรัม 
นอกจากนี้ หุ้นยังมีปัจจัยหนุนจากการเข้าถือหุ้นในบริษัทสยามเซมเพอร์เมด บริษัทย่อยของ STA เพิ่มเป็น 90.2% โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตถุงมือยาง ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มความมั่นคงให้แก่ STA ในด้านของรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
 
 
ด้านโบรกเกอร์ “เอเซียพลัส” มองบวก STA (ราคาพื้นฐาน 25 บาท) นักวิเคราะห์ระบุว่าบริษัทฯ ไม่มีปัญหาในการจัดหาวัตถุดิบยางพารามาแปรรูป เนื่องจากการเป็นบริษัทแปรรูปยางพาราที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีศูนย์รับซื้อยางพาราจำนวนมาก ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งเพาะปลูกสวนยาง สะดวกต่อชาวสวนยางในการขนส่งยางพารามาขายมาก ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของ STA 
 
 
นักวิเคราะห์จึงประเมินว่าจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มราคายางพาราอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยทุกๆ 5% ที่ราคายางแท่งสูงกว่าสมมติฐานที่กำหนดไว้ที่ 2 พันเหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ซึ่งจะส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิปี 2560 ของ STA เพิ่มขึ้น 4.2% จากคาดการณ์ปัจจุบัน และ Fair value ปี 2560 เพิ่มขึ้น 0.16% จากปัจจุบัน  
 
 
อย่างไรก็ดี โบรกเกอร์รายนี้คาดกำไรสุทธิปี 2559 ของ STA จะอ่อนตัวลงเล็กน้อย 5.1%  แต่จะพลิกกลับมาเติบโตถึง 44.8% ในปี 2560 จากคาดการณ์ปริมาณขายยางพารายังเติบโตต่อเนื่องอีก 17.2%  เป็น 1.7 ล้านตัน ตามความต้องการใช้ยางพาราทั่วโลกที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง และช่วยหนุนแนวโน้มราคายางแท่งเฉลี่ยปี 2560 เพิ่มขึ้น 47.1%  สู่ระดับ 2 พันเหรียญสหรัฐฯ/ตัน
 
 
ส่วน “ทรีนีตี้” นักวิเคราะห์ก็มีมุมมองเป็นบวกในหุ้น STA เช่นกัน โดยประเมินรายได้ปี 2560 อยู่ที่ 1.13 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.4%  และมีอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ที่ราว 6% และกำไรสุทธิที่ 1.6 พันล้านบาท พร้อมให้ราคาเป้าหมาย STA ที่ 33.30 บาท
 
 

เครดิต : ทีม Business&Finance, Money Channel


Fin-trading