Growth stock the series : COM7 เข้าตลาดฯ 8 ปี กำไรโตกว่า 10 เท่า สู่ 3 พันลบ.

.
หากพูดถึงหุ้นเติบโตสูงในตลาดหุ้นไทย หนึ่งในบริษัทที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้ คือ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ที่เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 จากการเป็นร้านค้าปลีกสินค้าไอทีเล็ก ๆ ในห้างสรรพสินค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า
.
ก่อนจะก่อตั้งบริษัทขึ้นอย่างจริงจังในช่วงปี 47 หลังกลุ่มผู้ก่อตั้งเริ่มมองเห็นโอกาสเติบโตในตลาดสินค้าไอทีมากขึ้น เนื่องจากในยุคนั้น มีประชากรในประเทศของเรา สามารถเข้าถึงการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้ไม่ถึง 10% ของประชากรทั้งหมด
.
ดังนั้น COM7 จึงเริ่มบุกเบิกธุรกิจด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายขายส่งสินค้าให้กับร้านค้าทั่วประเทศ (ธุรกิจหลักของ COM7 ขณะนั้น) แต่ก็ยังไม่ทิ้งช่องทางขายปลีกผ่านหน้าร้านที่ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า
.
พอดำเนินธุรกิจสักระยะ ผู้บริหาร COM7 ก็เห็นแล้วว่า การขายปลีก มีโอกาสเติบโตมากกว่าค้าส่ง จึงปรับนโยบายทำธุรกิจของบริษัท ให้ขายปลีกมากกว่าค้าส่ง โดยเพิ่มจำนวนร้านค้าปลีกผ่านการขยายสาขาร้านค้าของบริษัทไปยังห้างสรรพสินค้าอื่น ๆ
.
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ COM7 เกิดขึ้นในปี 58 เมื่อบริษัทตัดสินใจดันหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ด้วยการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 300 ล้านหุ้น ที่ราคา 3.35 บาท/หุ้น ได้เงินระดมทุนครั้งนั้นไปกว่าพันล้านบาท
.
เงินระดมทุนที่ได้จากการขายหุ้น IPO ในช่วงดังกล่าว COM7 นำไปชำระคืนสถาบันการเงิน และส่วนที่เหลือก็นำไปขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตให้กับกิจการต่อเนื่อง
.
โดยปี 59 ทาง COM7 ก็เริ่มขยายการเติบโต ด้วยการทุ่มงบลงทุน 184 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ "บางกอก เทเลคอม 999" ซึ่งเป็นร้านขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เสริม ภายใต้แบรนด์ "BKK" จำนวน 44 สาขา เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่าย
.
หลังจากดีลดังกล่าว ก็ยังมีดีลที่ COM7 ซื้อเข้ามาในพอร์ตธุรกิจต่อเนื่อง เช่น ปี 61 ที่อนุมัติให้ บานาน่า กรุ๊ป (บริษัทย่อย) เข้าซื้อ "ดีเอ็นเอ รีเทลลิงค์" เพื่อขยายการจำหน่ายเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดภายใต้แบรนด์ "KingKong Phone" จำนวน 95 สาขา ด้วยงบลงทุน 210 ล้านบาท
.
ปี 63 เข้าซื้อทรัพย์สินของ "ไอบิส พลัส เน็ทเวอร์ค" ซึ่งประกอบธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต และอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมต่าง ๆ ได้แก่ร้าน IBIZ Shop, ร้าน OPPO, ร้าน Huawei, ร้าน VIVO, ร้าน WIKO, ร้าน Realme และ ร้าน Samsung Brand Shop รวมจำนวน 51 สาขา
.
และในปีดังกล่าว COM7 ก็ได้เข้าซื้อทรัพย์สินของ "บุญชัยธุรกิจหาดใหญ่", "บุญชัยค้าส่ง" และ "วิชั่นส์ ไอที" ซึ่งประกอบธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต และอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ มีสาขารวมทั้งหมด 22 แห่ง ยิ่งเพิ่มช่องทางจำหน่ายให้ COM7 มากขึ้น
.
การเพิ่มช่องทางจำหน่ายของ COM7 ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับ ความต้องการสินค้าไอทีที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วงดังกล่าวที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ อย่างการ"ทำงานที่บ้าน" หรือ "เรียนที่บ้าน"
.
ทำให้ผลการดำเนินงานปีต่อมาของ COM7 ก็คือปี 64 มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่พาบริษัทเข้าสู่ตลาดหุ้น เมื่อปี 59 โดยมีกำไรสุทธิ 2.6 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 76% จากปีก่อน
.
ยิ่งถ้าเราย้อนมองกำไรสุทธิของ COM7 ตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นในปี 59 จนถึงปัจจุบัน ก็จะพบว่า สิ่งที่พิเศษของ COM7 อีกอย่าง คือ สามารถสร้างการเติบโตให้กำไรสุทธิได้ต่อเนื่องทุกปี แถมเป็นการเติบโตที่อยู่ในระดับ Growth stock (มากกว่า 20%) ในทุกปีอีกด้วย หรือ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 44% ต่อปีเลยทีเดียว
.
การเดินทางของ COM7 อาจจะมาไกลกว่าที่หลายคนคิด หลังจากปัจจุบัน สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการค้าปลีกสินค้าไอที แถมยังเป็นบริษัทที่ถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี SET50 อย่างเหนียมแน่นอีกด้วย หรือ อีกนัยหนึ่ง คือ บริษัทที่ใหญ่สุด 50 อันดับแรกในตลาดหุ้นไทย
.
ขณะที่ ราคาหุ้นของ COM7 ก็เติบโตขึ้นไม่เบา โดย COM7 เคยราคาขึ้นไปสูงสุดถึง 86 บาท/หุ้น จากราคาไอพีโอเพียง 3.3 บาท/หุ้น โดยใช้เวลา 7 ปี ขึ้นมาถึง 2,415% จากนั้นก็เทรดอยู่แถว ๆ 80 บาท +/- มาเรื่อย ๆ
.
กระทั่งวันที่ 11 มี.ค.65 ราคาหุ้นเปิดตลาดลดลงถึง 50% สาเหตุเพราะเกิดไดลูทจากการจ่ายปันผลเป็นหุ้นอัตราส่วน 1 : 1 ซึ่งทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเท่าตัว โดยวันนั้นปิดตลาดที่ 42.25 บาท/หุ้น (อารมณ์คล้ายกับหุ้นแตกพาร์เลย) หลังจากนั้นราคาหุ้น COM7 ก็เหมือนจะเข้าสู่ขาลง เพราะลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำจุดต่ำสุดที่ราคา 26.25 บาท/หุ้น ก่อนจะขยับขึ้นมาเทรดแถว ๆ 30 บาท/หุ้น
.
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาหุ้น COM7 ในระยะหลังจะซึม ๆ ลง แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ยังคาดการณ์ว่า กำไรสุทธิปี 66 - 67 ของ COM7 ยังมีแนวโน้มเติบโตในระดับสูงต่อเนื่อง โดยประเมินว่าค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 18% ต่อปี
.
ปัจจัยหนุนการเติบโต คือ การใช้กลยุทธ์ "Market Share First" ซึ่ง COM7 กำลังเร่งสร้างส่วนแบ่งตลาดโดยเฉพาะในต่างจังหวัด (ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาด 35% ภายใน 3 ปี เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ต่ำกว่า 20%) ด้วยการเปิดสาขาใหม่ที่มีสินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มราคา อีกทั้งยังมีบริการผ่อน, จัดส่ง และแลกเปลี่ยนสินค้า ยิ่งเพิ่มแรงจูงใจให้กับลูกค้า
.
ขณะที่ การสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์จาก IAA Consensus ได้ประเมินราคาเหมาะสมของ COM7 ไว้ในกรอบ 38.69 - 45 บาท/หุ้น ก็เท่ากับว่า ราคาหุ้น COM7 ที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน ยังมีอัพไซด์อยู่ราว 19 - 38%
.
สุดท้ายนี้ เราคงต้องติดตามพัฒนาการทางธุรกิจของ COM7 ต่อไป ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ยิ่งในยุคที่ประชากรส่วนใหญ่เข้าถึงอุปกรณ์ไอทีมากขึ้นกว่าเมื่อครั้งเริ่มต้นดำเนินธุรกิจ COM7 จะงัดกลยุทธ์ใดออกมาเพื่อรักษาอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิไว้ได้
.
บ.บูม
.
***********************************