ห้องเม่าปีกเหล็ก

กูรูจ่อหั่นกำไรแบงก์ หวั่นน้ำท่วมดัน NPLพุ่งถึงปีหน้า

โดย stock-news
เผยแพร่ :
62 views

 

 

 
 
    วงการจ่อหั่นประมาณการกำไรแบงก์รอบสอง หลังกังวลเอ็นพีแอลเกิดใหม่จากสถานการณ์น้ำท่วม  กดดันราคาหุ้นแบงก์ใหญ่ร่วงหนักสองวันติด ทั้ง KBANK-SCB หวั่นส่งผลให้ NPL พุ่งต่อเนื่องถึงปีหน้า ขณะที่บางโบรกฯแนะเป็นโอกาสเข้าลงทุน เชื่อราคารับปัจจัยลบน้ำท่วมมากพอแล้ว ด้าน ธปท. เผยมีสาขาแบงก์พาณิชย์ใน"สกลนคร" หยุดทำการจากน้ำท่วม 15 สาขา  ด้านดัชนีหุ้นกลุ่ม BANK ปิดแดนลบ
 
*** เล็งหั่นคาดการณ์กำไรแบงก์ กังวล NPLจากน้ำท่วม 


    นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ " สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย " กล่าวถึงกรณี จากการที่หุ้นกลุ่มแบงก์ ร่วงอย่างหนักในช่วงนี้ โดยสาเหตุหลักมาจากนักลงทุนมีการขายทำกำไร (sell on fact) หลังกลุ่มแบงก์ประกาศงบไตรมาส 2/60 ออกมาได้น่าผิดหวัง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะมีแรงเทขายออกมา นำโดยหุ้นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เช่น ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)   


     "เมื่อเวลาประกาศงบออกมาแล้วจะขายหุ้นทิ้งก็ไม่แปลกอะไร โดยเฉพาะ KBANK เมื่อขึ้นมาเยอะ ก็จะถูกเทขายเยอะที่สุดเห็นได้จากราคา หุ้น KBANK ในเช้าวันนี้ที่ร่วงหนักมากกว่า 3.50 บาท " นายธนเดช  กล่าว 


     นอกจากนี้ สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคอีสานขณะนี้ ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะทำให้ธนาคารมีภาระค่าใช้จ่าย และ หนี้ที่มิก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้น ทำให้ฝ่ายวิจัยเตรียมปรับลดประมาณการกำไรกลุ่มแบงก์ลงอีกรอบ หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการปรับลดประมาณการกำไรมาแล้ว หลังการแจ้งงบไตรมาส 2/60 ที่ออกมาน่าผิดหวัง โดยเฉพาะ NPL ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปถึงจนปี 61 จากประมาณการเดิมที่คาดว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในสิ้นปีนี้


    "หากสถานการณ์น้ำท่วมลากยาวออกไป และ มีความรุนแรงมากขึ้นก็จะส่งผลกระทบต่อลูกค้าเอสเอ็มอี และ กลุ่มเกษตร ซึ่งธนาคารจะมีการออกมาตรการช่วยเหลือออกมา ไม่ว่าจะเป็นการลดดอกเบี้ย การยืดหนี้ การพักชำระหนี้ โดยส่งผลกระทบต่อผลประกอบการกลุ่มแบงก์ในปีนี้ทำให้แนะนำเลี่ยงลงทุนหุ้นในกลุ่มแบงก์ออกไปก่อน " นายธนเดช กล่าว 


    อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลดำเนินงานกลุ่มแบงก์จะกลับมาดีขึ้นในปี61 โดยเฉพาะสินเชื่อที่กลับมาเติบโตตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว 
ทั้งสินเชื่อที่เกี่ยวกับการลงทุนภาครัฐ และการส่งออก จะเป็นปัจจัยหนุนให้กลุ่มแบงก์น่าสนใจในระยะยาว ซึ่งหุ้นแบงก์ใหญ่ยังน่าลงทุนมากกว่าหุ้นแบงก์กลางและเล็ก


    ทางด้าน นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า หุ้น KBANK ที่ลดลงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะเป็นการขายทำกำไรของนักลงทุน ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับปัญหา EARTH
 
*** โนมูระฯ มองเป็นจังหวะเข้าลงทุนหุ้นแบงก์ใหญ่


     นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ว่า หุ้นกลุ่มแบงก์ที่ร่วงหนักในช่วงนี้เป็นการขายทำกำไร และราคาหุ้นในขณะนี้ได้สะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว โดยมองว่าปัจจุบันราคาหุ้นกลุ่มแบงก์น่าสนใจ และยังเป็นจังหวะที่ควรเข้าลงทุน ได้แก่  KBANK และ BBL เป็นหุ้นที่โดดเด่นโดยสถานการณ์น้ำท่วม และ NPL ไม่ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรกลุ่มแบงก์ลง

 

*** ธปท.เผยมีสาขาแบงก์พาณิชย์ใน จ.สกลนคร หยุดทำการจากน้ำท่วม 15 สาขา  


    นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ข้อมูล สาขา ของ ธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และ มีการแจ้งขอหยุดทำการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.60 โดยปัจจุบัน มีเฉพาะในจังหวัดสกลนคร ที่ยังหยุดทำการชั่วคราวทั้งหมด 15 สาขา คิดเป็น 37.5% ของสาขา ธพ. 40 แห่ง ที่เปิดที่จังหวัดสกลนคร  


    ส่วนสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs)  หยุดทำการชั่วคราว 2 สาขา ในจังหวัดสกลนคร คือ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ในขณะที่ SFIs แห่งอื่นยังคงเปิดทำการปกติ คิดเป็น 6.5% ของสาขา SFIs 31 แห่ง
 
*** KBANK รอฟังคำสั่งศาล-เตรียมหารือเจ้าหนี้ EARTH  


      นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ  KBANK เปิดเผยถึงปัญหาหนี้สินของ บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH )ว่า ขณะนี้ธนาคารรอ
ดูการดำเนินการของบริษัท และติดตามคำสั่งของศาลที่จะออกมา หลังบริษัทได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง และธนาคารพร้อมเข้าไปเจรจา หากศาลมีการเรียกเจ้าหนี้ให้เข้าไป ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการ โดยเชื่อว่าเจ้าหนี้ทุกรายต้องการหาทางออกเพื่อแก้ปัญหา โดยให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด จึง อาจมีการเรียกประชุมเจ้าหนี้เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น


    " เบื้องต้นจะมีการหารือเพื่อหาทางออกในการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งทุกฝ่ายต้องหาทางออกเพื่อให้มีกระทบต่อเจ้าหนี้ บริษัท หรือ ผู้ถือ
หุ้น ให้น้อยที่สุด ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่เจ้าหนี้จะต้องมีการปรึกษากันเพื่อหาทางออก ส่วนการตั้งสำรอง ธนาคารยังรอการติดตามกระบวนการของศาลก่อน " นายปรีดี กล่าว


      อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังมั่นใจจะรักษาระดับ NPL ในสิ้นปีนี้ให้อยู่ที่ประมาณ 3.3-3.4% โดยครึ่งปีแรก NPL ของธนาคารอยู่ที่ 3.31% ขณะที่คงเป้าสินเชื่อรวมปีนี้เติบโต 4-6% จากครึ่งปีแรกสินเชื่อรวมเติบโตแล้ว 3.22% โดยมาจากสินเชื่อเอสเอ็มอี และ สินเชื่อรายใหญ่ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเห็นการเติบโตของสินเชื่อรวมที่เพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น การส่งออกที่ฟื้น และ การลงทุนโครงการต่างๆภาครัฐที่เข้ามาช่วยกระตุ้นความมั่นใจของการลงทุนภาคเอกชน

 

 *** ดัชนีหุ้นกลุ่ม BANK  ปิดแดนลบ


    ดัชนีหุ้นกลุ่มแบงก์ (BANK) ปิดที่ 511.17 จุด ลดลง 3.51 จุด หรือ 0.68% โดยราคาหุ้นปรับลงทุกบริษัท ยกเว้น KKP 
    นอกจากนี้ หุ้นแบงก์ที่มีน้ำหนักต่อการเคลื่อนไหวของดัชนี SET ในทางลงวันนี้คือ KBANK, SCB และ KTB  โดยราคาปรับลง 1.30%  1.02% และ 1.10% ตามลำดับ


    ขณะที่ดัชนี SET ปิดที่ 1,576.45 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด หรือ 0.02% มูลค่าการซื้อขาย 4 หมื่นล้านบาท 


stock-news