ห้องเม่าปีกเหล็ก

6 หุ้นเด่น รับผลบวกปรากฏการณ์ “เอลนีโญ”

โดย คริสตัล
เผยแพร่ :
249 views

เปิดโผ 6 หุ้นเด่น

รับผลบวกปรากฏการณ์ “เอลนีโญ”

.

ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเอลนีโญ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่มีอิทธิพลต่อสภาพภูมิอากาศทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า International Research Institute for Climate Society (IRI) มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) สหรัฐฯ ประเมินความน่าจะเป็นที่จะเกิดเอลนีโญเพิ่มขึ้นมากกว่า 90% เมื่อเทียบกับผลพยากรณ์ในช่วงเดือนพ.ค. 2566 ซึ่งจะลากยาวไปถึงอย่างน้อยเดือนมี.ค. 2567

.

โดยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเอเชียและออสเตรเลีย คือ ภัยแล้งหนัก ฝนขาดช่วง ปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าทุกปี ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ส่วนอเมริกาใต้ จะเกิดพายุฝนอย่างหนัก อาจมีน้ำท่วมและดินถล่มอย่างรุนแรง ซึ่งปัจจุบันภาครัฐฯเริ่มเห็นความเสี่ยงดังกล่าว และเริ่มพิจารณามาตรการบริหารจัดการน้ำ โดยรวมถือเป็นปัจจัยความเสี่ยงที่ต้องติดตาม เพราะ GDP ไทยมีสัดส่วนธุรกิจเกษตร 6.7% ของ GDP KCS Strategist

.

ทั้งนี้ ระยะสั้นเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นอิงเศรษฐกิจฐานราก แต่ฝ่ายวิเคราะห์คาดจะเป็นบวกต่อกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์ คือ 1. กลุ่มเครื่องดื่ม OSP, ICHI 2. ห้างค้าปลีก CRC, CPALL, MAKRO และ 3. ผู้ประกอบการน้ำตาล KSL

.

สำหรับแนวโน้มการเติบโตของหุ้นแต่ตัว Wealthy Thai ได้รวบรวมมาให้แล้ว มาเริ่มกันที่ OSP บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66 อาจลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเพราะไม่มีเงินปันผลของ Unicharm แต่คาดว่าจะเติบโตได้จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

.

ขณะที่ครึ่งปีหลังคาดจะเริ่มเห็นผลของการขึ้นราคา M-150ขวด 12 บาทมากขึ้น เมื่อส่วนแบ่งทางการตลาดฟื้น พร้อมกับต้นทุนการผลิตที่ลดลง เช่น NG คาดว่าจะลดลงอีกและค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลงตามการลดลงของราคา NG ทำให้ค่า Ft มีโอกาสลดลง รวมถึงทุกพรรคการเมืองใช้นโยบายลดค่าไฟฟ้าเป็นประเด็นหลักในการหาเสียง คงประมาณการ คงราคาเป้าหมายที่ 36 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ

.

ถัดมา ICHI บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66 ยังเติบโตเด่นเป็นอันดับต้นๆ ในอุตสาหกรรม คาดเติบโตทั้งจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ด้านครึ่งปีหลังยังเติบโตจากครึ่งแรกปี 2566

.

โดยระยะกลางจะเริ่มรับประโยชน์จากค่าเสื่อมที่ทยอยหมดลงตั้งแต่ปี 2570-2575 โดยรวมหลายปัจจัยกำลังเอื้อประโยชน์ต่อบริษัท ภายใต้สภาพอากาศร้อน (ร้อน + แห้งแล้งอีก 3 ปี) และอุตสาหกรรมตลาดชาเขียวกลับมาฟื้นตัว ซึ่งกลยุทธ์ของผู้ประกอบการในกลุ่มไปทางเดียวกันไม่ขัดกัน รวมถึงต้นทุนที่ปรับตัวลงและ ICHI รับประโยชย์จาก Operating leverage สูง โดยหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่ากลุ่มซึ่งเฉลี่ย 25-30 เท่า แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 17.20 บาท

.

CRC บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า คงประมาณการกําไรปี 2566 ไว้เดิมที่ 9.3พันล้านบาท เนื่องจากคาดว่ากําไรช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะดีขึ้นทั้งจากครึ่งปีแรกและช่วงเดียวกันของปีก่อน และคงราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 55 บาท (PER 35.7 เท่า) โดยเชื่อว่าราคาหุ้น CRC น่าจะ Outperform ตลาดได้จากแนวโน้มกําไรไตรมาส 2/66 ที่น่าจะยังโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้ และมี upside จากธุรกิจใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงราคาหุ้นได้ปรับลงมาแล้วเกือบ 9%จากช่วงก่อนเลือกตั้ง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังดีอยู่

.

CPALL บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/66 คาดจะเติบโตทั้งจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ช่วงที่เหลือของปีกำไรจะค่อยๆ เร่งตัวขึ้นจากกำลังซื้อที่ยังแข็งแกร่ง ตามการกลับมาของนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ และดอกเบี้ยจ่ายลดลงโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลัง MAKRO และ Lotus’s บริหารจัดการภาระหนี้ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสมที่ 75 บาท

.

MAKRO บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/66 คาดโตต่อเนื่องจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลุ้นโตจากไตรมาสก่อนหน้า โดยคงประมาณการกำไรปี 2566 ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากยังคงมุมมองบวกต่อประมาณการกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะเร่งตัวขึ้นจาก

.

1.ยอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง ตามกำลังซื้อที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาปกติ และการปรับปรุงสาขาเดิม หรือเปิดสาขาใหม่ของทั้งธุรกิจค้าส่ง (MAKRO) และธุรกิจค้าปลีก (Lotus’s) รวมถึง 2. ภาระดอกเบี้ยจ่ายเริ่มลดลงในครึ่งปีหลังอย่างชัดเจน หลังจากมีการเปลี่ยนแหล่งเงินกู้ซึ่งอัตราดอกเบี้ยใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 3-4% จากเดิม 4-5% คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสมที่ 48 บาท

.

KSL บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดกำไรหลักไตรมาส 3/66 (1 พ.ค.– 31 ก.ค. 66) ที่ 400ล้านบาท ลดลง 16% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลง 5% ทั้งนี้ ราคาน้ำตาลโลกเฉลี่ยตั้งแต่ต้นไตรมาส 3/66 จนถึงปัจจุบัน (1 พ.ค.- 9 มิ.ย. 66) อยู่ที่ 25.52 เซนต์ต่อปอนด์ เพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ 15% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยของ KSL มีแนวโน้มอยู่ที่ 19,000 บาทต่อตันเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

.

ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์คงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท เนื่องจากปรากฎการณ์เอลนีโญ่จะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำตาลโลก โดยนักลงทุนควรให้ความสำคัญต่อราคาน้ำตาลโลก ซึ่งเป็นราคาฟิวเจอร์ (ราคาน้ำตาลโลกจะมีความสัมพันธ์อย่างมากกับราคาหุ้นของ KSL)

 

 


คริสตัล