OSP ฟ้าหลังฝนย่อมสวยเสมอ
พรีวิวไตรมาส 2/2566 เราร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ของ OSP เมื่อวันที่ 18 ก.ค. เพื่อรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน เราคาดว่า OSP จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ในวันที่ 9 ส.ค. ด้วยกำไรปกติที่ 456 ลบ. (+4.9% YoY และ -9.3% QoQ) ซึ่งไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) จำนวน 20 ลบ. และรายการที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักจำนวน 75 ลบ. กำไรปกติในครึ่งแรกของปี 2566 จะคิดเป็น 46% ของประมาณการทั้งปีของเรา โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นเชิง YoY น่าจะสะท้อนอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้นโดยรวม
ซึ่งได้รับแรงหนุนจาก
1) การฟื้นตัวของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่ส่งเสริมสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น
2) ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตจากการปิดซ่อมบำรุงเตา
3) ต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง
มุมมองของเรา แม้ว่า OSP จะได้รับส่วนแบ่งการตลาดเพียงประมาณ 80 bps ในไตรมาส 2/2566 แต่เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของ OSP
เนื่องจาก
1) upside risk ต่อการได้รับส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น
2) ต้นทุนราคาก๊าซอยู่ในช่วงขาลง
3) ผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับการกำหนดราคาระดับพรีเมียมมากขึ้น ผู้บริหาร OSP ย้ำถึงเป้าหมายในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดอย่างน้อย 1% ในครึ่งหลังของปี 2566 นอกจากนี้ เราเชื่อว่าผู้บริโภคเริ่มมีความคุ้นชินกับเครื่องดื่มชูกำลังขวดขนาด 12 บาทแล้ว ตามที่ OSP เปิดเผยในการประชุมว่าภาพรวมของตลาดได้มีการเติบโตในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยผู้บริโภคกว่า 50% อยู่ในกลุ่มที่บริโภคเครื่องดื่มชูกำลังราคา 12-15 บาท เทียบกับเพียง 46.7% ในไตรมาส 1/2566 ซึ่งหมายความว่ากลุ่มพรีเมียมเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของการเติบโต
แนวโน้มครึ่งหลังของปี 2566 OSP คาดว่าไตรมาส 3/2566 จะเป็นไตรมาสที่ผลการดำเนินจะต่ำตามฤดูกาล แต่ได้รับอานิสงส์จากราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง และอาจทำให้ไตรมาส 4/2566 เป็นไตรมาสที่บริษัทฯ ทำผลงานได้ดีที่สุดของปีตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล นอกจากนี้ ช่วงครึ่งปีหลังมักเป็นช่วงที่ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง
