เลือกหุ้นโรงพยาบาล เก็งผลงานครึ่งปีหลังโตโดดเด่น
ล้อไปกับภาพการฟื้นตัวของ SET index สำหรับดัชนีหุ้นกลุ่ม Health care services กับการรีบาวด์ต่อเนื่อง 4 วันทำการ หลังจากร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (12 ก.ย.)
เมื่อวันศุกร์ (16 ก.ย.) แรงซื้อไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่เพียงกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่เท่านั้น แต่พบว่ากระจายไปยังหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลางและเล็กด้วย
แม้หุ้นจะทยอยฟื้นกลับขึ้นมา แต่ราคาหุ้นทั้งกลุ่มยังถือว่าต่ำกว่าระดับเฉลี่ยช่วงเดือนเม.ย. ถึงเดือนสิงหาคม ที่เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นรับปัจจัยบวกสภาพคล่องไหลเข้า จนน่าคิดต่อว่าถ้าหากสภาพคล่องกลับเข้ามาอีกครั้ง หุ้นไหนจะดูเป็นเป้าแรงซื้อมากกว่า???
"มงคล พ่วงเภตรา" ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ ด้านกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) บอกกับ Money Channel สำหรับเหตุผลราคาหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลที่กลับมามีแรงซื้อหนาแน่น เพราะราคาหุ้นปรับตัวลงไปลึก ทำให้เกิด Upside เมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐาน พร้อมให้สังเกตว่าจะพบแรงซื้อเข้ามาทั้งในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลางและเล็ก นอกจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการเติบโตชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีตามไฮซีซั่นของธุรกิจ
โดยในกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ อาทิ BDMS และ BH แม้ว่าก่อนหน้านี้จะถูกผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกตกต่ำ จนทำให้กลุ่มลูกค้าประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักมีกำลังจ่ายสูง หดตัวลงอย่างชัดเจน แต่ปัจุบันก็เริ่มเห็นสัญญาณ Downside ของราคาน้ำมันที่จำกัดแล้ว และแม้ตัวเลขลูกค้าในกลุ่มตะวันออกกลางจะยังไม่เห็นฟื้นตัวเด่นชัด แต่จากนี้ไปก็เชื่อว่าจะเห็นการเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อกำไรอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ในกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลางและเล็ก ก่อนหน้านี้ที่ถูกแรงขายจากผลประกอบการในงวดไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่คาด แต่หากเจาะลึกข้อมูลแล้วพบว่า เป็นผลจากลูกค้าในโครงการประกันสังคมภาครัฐมีการตกค้างจากการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบของภาครัฐล่าช้า แต่จะเริ่มเบิกจ่ายในครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ผลประกอบการจะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยนี้เองที่จะช่วยหนุนให้นักวิเคราะห์เริ่มกลับมาทยอยปรับเพิ่มประมาณการหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลางและขนาดเล็กเมื่อใกล้ช่วงปิดงบไตรมาส 3
โบรกเกอร์ “เคทีบีฯ” เลือก BCH เป็นหุ้นเด่นประจำกลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากอยู่ในช่วงทบทวนปรับเพิ่มประมาณการกำไรและราคาพื้นฐาน หลังจากได้ปัจจัยหนุนจากรายได้ลูกค้าในกลุ่มประกันสังคมเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 นี้อย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจุบัน BCH มีโรงพยาบาลในเครือข่ายที่มีโครงการประกันสังคมเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีลุ้นที่จะได้ลูกค้าประกันสังคมจากโรงพยาบาลเปาโล ที่ประกาศขอออกจากระบบประกันสังคม โดยมีผู้ประกันตนรวมกว่า 1.3 แสนราย
BCH ถูกคาดการณ์ว่ามีโอกาสได้ลูกค้าในกลุ่มนี้เป็นสัดส่วนที่สูง เพราะเป็นโรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลเปาโลมากที่สุด
พร้อมกันนี้ คาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการที่โรงพยาบาลแห่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่อย่าง WMC จะกลับมาพลิกมีกำไรในปี 2560 ทำให้ BCH มีความน่าสนใจในแง่ Upside ในระยะยาว
“เคทีบีฯ” คาดกำไรสุทธิในปีนี้จะทำได้ 755 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 43% และในปี 2560 จะเติบโตโดดเด่นตามการรับรู้กำไรจาก WMC โดยให้ราคาพื้นฐานก่อนปรับประมาณการไว้ที่ 14.50 บาท
ด้านมุมมอง “เอเซียพลัส” มองจังหวะนี้เป็นโอกาสเก็บหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล เพราะแม้ภาพ SET INDEXจะยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่ในเชิงปัจจัยพื้นฐานกำไรกลุ่มโรงพยาบาลไตรมาส 3 จะสูงสุด จากผลของฤดูกาล และคนไข้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากตะวันออกกลาง
หากพิจารณาพื้นฐานเป็นรายตัว แต่ละหุ้นมีปัจจัยสนับสนุนแตกต่างกันไป ดังนี้
*BDMS (ราคาพื้นฐาน 27 บาท) มองเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีการกระจายตัวของคนไข้ที่ดี มีการเติบโตต่อเนื่อง และยังได้รับประโยชน์ทางภาษี หลัง BOI มีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยาและเครื่องมือแพทย์เป็นครั้งแรกในประเทศ
*BH (ราคาพื้นฐาน 220 บาท) นักวิเคราะห์ระบุว่าแม้กำหนดเป้ารายได้ปีนี้ทรงตัว แต่แผนการลดต้นทุนเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย รวมทั้งการเร่งเปิดคลินิคทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเป็นศูนย์ส่งต่อผู้ป่วย น่าจะช่วยหนุนกำไรปีนี้จะยังเติบโต 7% และเพิ่มขึ้นอีก 10.7% ในปีหน้า
*BCH (ราคาพื้นฐาน 14 บาท) มีลุ้นผลงานพลิกกลับมาเติบโตก้าวกระโดด ทั้งจากช่วงฤดูกาลและการเพิ่มศักยภาพ รพ.เก่า และการเตรียมขยายสาขาใหม่ นักวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตถึง 34% Y/Y จากรายได้ผู้ป่วยประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จาก WMC ดีขึ้นเป็นลำดับจากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นกำไรในปีหน้า
*RJH (ราคาพื้นฐาน 24 บาท) คาดปีนี้จะเติบโตแบบก้าวกระโดดกว่าเท่าตัว จากทำเลที่ดี และการยกระดับการให้บริการศูนย์โรคหัวใจและไตเทียม บวกกับราคาหุ้นยังมี upside สูง
*LPH (ราคาพื้นฐาน 12 บาท) นักวิเคราะห์คาดปีนี้เติบโตถึง 70% และเติบโตแรงต่อเนื่องในปี 2560 จากเปิดเพิ่ม 9 ศูนย์ Excellent Center ขณะที่ราคาหุ้นยังมี Upside สูงเช่นกัน โดยประมาณการยังไม่รวมมูลค่าเพิ่มจากดีล รพ.เดชาที่คาดจะทราบผลสิ้นเดือน ก.ย.นี้
**********************************************
ชัยรัตน์ พุ่มมาลา, ทีม Business&Finance , Money Channel