เปลือยพอร์ต ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร VI ตัวพ่อ เมืองไทย
โดย น้องบิว จิตติมา ทวาเรศ และ คุณ กาญจนา หงส์ทอง
---------------------
แก้ไขข้อความบางอย่าง + เว้นวรรคให้ โดยผมเอง
---------------------
ปกติ อาจารย์นิเวศน์นอน 5 ทุ่มครึ่ง วันนี้มาพูดยาวได้ แต่กลัวคนเบื่อเสียก่อน
คุณกาญจนาบอกว่า ช่วงนี้เป็นโอกาสในการฟังที่ดี
เพราะวิกฤตจากCovidที่ผ่านมา
อยากให้อาจารย์พูดให้กำลังใจกับผู้ฟัง
อ บอกว่า รอบนี้ต่างกับวิกฤตปี40 ซึ่งหุ้นตกเยอะและตกนาน
รอบนี้หุ้นตกไม่นาน ก็หุ้นขึ้น ไม่เกิดโอกาสในการลงทุน(ซื้อไม่ทัน)
เวลาสั้นมากคนไม่ทันตั้งตัว หุ้นขึ้นมาก่อน
ส่วนตัวอาจารย์ไม่ทำอะไร ตั้งแต่เกิดวิกฤตcovidเลย
ตอนที่หุ้นตกอย่างรวดเร็ว และ ขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็ไม่ได้ทำอะไร
หลังจากนั้นก็มีขายหุ้นมาหนึ่งตัว และซื้อเพิ่มหุ้นมาหนึ่งตัว (ลงทุนเพิ่ม)
ผ่านมาปีหน่อยๆ ซื้อหุ้นใหม่มาสองตัว อีกส่วนก็ไปลงทุนในเวียดนาม
ซื้อเพิ่มกองทุนหุ้นเวียดนาม
== หลักการลงทุน ==
ไม่ได้ดูราคาหุ้นเป็นหลัก แต่เน้นดูกิจการเป็นหลัก
ราคาไม่ใช่หลักเกณฑ์ในการซื้อหรือขายหุ้น
พิจารณาว่ากิจการจะแข็งแกร่งไหม ค่อยมาพิจารณาซื้อ หรือ ขายหุ้น
การวิเคราะห์กิจการ แบ่งเป็น
1. ถ้ากิจการแย่ลง อาจไม่ดีในสามปีข้างหน้า ก็ขายหุ้นออก ไม่ได้ดูราคา
2. ถ้ากิจการในอีกสามปีขึ้นไปโตขึ้น ความเสี่ยงน้อย โตโดยไม่มีใครมาขวางได้
ถ้าเป็นMonopoly ก็อาจไม่ดูราคาในการซื้อ
3 .แต่ถ้ากิจการดี แต่ราคาสูงกว่าที่เป็นจริง ก็จบเหมือนกัน (ไม่ซื้อ)
อาจารย์ให้ความเห็นกับธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากCovid
กิจการที่ขายของเกี่ยวกับ Covid ไม่ใช่กิจการที่ดีในระยะยาว คู่แข่งก็เข้ามาได้
ก่อนหน้าที่โตเพราะความต้องการเยอะ อาจารย์ก็ไม่เอา เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนั้น จะดีต่อเนื่อง
== กิจการที่ดีในความหมายของอาจารย์ ==
ดี ในความหมายของ อาจารย์ คือ
แข็งแกร่ง ไม่มีใครทำลายมันได้ ทนทานได้เกือบทุกอย่าง
บางบริษัทยอดขายตก ในช่วงcovid แต่ยอดขายกลับมาหลังCovid
ก็กลับมาแข็งแกร่ง เช่น บริษัทขายน้ำ
ถ้าบริษัทไม่เติบโต ก็ไม่ค่อยดี ถึงแม้แข็งแกร่ง อาจารย์ให้คะแนนต่ำกว่าดีนิดหน่อย
ถ้าแข็งแกร่ง และ โตเร็ว ดีเลิศ
ถ้าแข็งแกร่ง แต่ไม่โตเร็ว ถือว่าดี
การซื้อขาย ต้องดูตรงนี้ก่อน
ถ้ากิจการกลับมาได้หลังcovid และเติบโตช้าๆ ก็สามารถถือต่อไปได้
รอบนี้ covidมา หุ้นที่ดีมากๆ ราคาไม่ตกเลยแถมขึ้นอีกต่างหาก
ปี 2008 ยังเห็นหุ้นที่น่าซื้อ แต่รอบนี้หาหุ้นที่จะลงทุนยาก
นี่คือประเทศไทย ปี40 เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงแข็งแกร่ง
... แต่ปี63 อยู่ในช่วงอิ่มตัว และตกต่ำลงอย่างยาวนาน
ถ้าเราอยู่ในสภาพแบบนี้ และในอนาคตอาจตกต่ำลง อาจจะคิดว่าต้องขายหุ้นหรือเปล่า
อาจารย์คิดมาหลายปี มีความเสี่ยงมาก ถ้ายังถือหุ้นทั้งหมดในไทย
ถ้าคิดถึงอายุ ก็มองว่าไม่อยากเสี่ยงเหมือนเมื่อก่อน
ถ้าบอกว่าปีหน้า ไทยอยู่ในสังคมสูงอายุแบบสมบูรณ์ คือ แก่ตัวเรียบร้อยแล้ว
หลายปีที่ผ่านมา คิดตลอดเวลา หาจุดที่จะเติบโตได้ไหม
ผมเป็นคนแรก ที่พูดว่าไปเวียดนาม แต่อายุขนาดนี้ ก็เลยไปในระดับหนึ่ง
ตอนนี้พอร์ตเวียดนาม ก็ยังไม่ถึง 20% ( 17-18%)
เราไม่ชำนาญ เลยไปได้แค่นี้ เพราะยังไม่รู้ความเสี่ยงอีกหลายอย่าง
ไปครั้งแรกแทบไม่คิดอะไร ไม่ได้ดูหุ้นหลายปี
มาดูจริงๆตอนช่วง covid
ตอนนี้หุ้นเวียดนามขึ้นสูงสุดแล้ว ขึ้นมาเกือบ200จุดแล้ว
แสดงว่าเวียดนามโตเร็วมาก
น้องบิว บอกว่าให้ย้อนกลับมาที่เมืองไทย
หนังสือตีแตก พูดถึง ธุรกิจส่งออก ดีในช่วงต้มยำกุ้ง
== ตอนนี้ธุรกิจอะไรดี ==
อาจารย์ตอบว่า ธุรกิจการบริการกับคน
สังคมประเทศไทยเป็นแบบ Friendly country , Flexible
ถ้าไปสังคมอื่น อาจมีเคร่งในบางเรื่อง ไม่ค่อย friendly
สังคมไทย สบายๆ การท่องเที่ยวก็ดีมาอย่างรวดเร็ว และมาสะดุดช่วง covid
แต่ไม่ใช่ชวนซื้อหุ้นไทย
หุ้นท่องเที่ยว ตกมาต่ำกว่าช่วงก่อน covid
แต่หลายตัว ก็ยังแพงเมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของบริษัทตอนนี้
ถ้าการท่องเที่ยวโต บริษัทก็ไม่สามารถกินรวบได้
ถ้าไทยเติบโตอย่างใช้ได้ ไม่ถึงกับปี40
== มาเพิ่มเรื่องสุขภาพ การรักษาพยาบาลยังใช้ได้อยู่ ==
คุณกาญจนา ถามเรื่องคนที่มาสายวีไอ ในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
คนอยากรวยเร็วต้องทำอย่างไร
อาจารย์พูดว่าปรับตัว โดยธรรมชาติไม่ง่าย อะไรที่ฝังไปแล้ว มันเปลี่ยนยาก
ทางปฏิบัติเป็นไปได้ยาก ไม่มีทางเปลี่ยนความคิด หรือสมองได้
วีไอพันธ์แท้ ไม่ค่อยกำไรในช่วงนี้เพราะหุ้นที่ขึ้นเยอะ
ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเติบโต ที่เก็งกำไร
หุ้นเติบโต ไม่พูดเรื่องราคา มีstoryที่จะเติบโต โดยไม่สนใจเรื่องราคา
กระแสเก็งกำไรสูงมาก ในบ้านเราและทั่วโลก
Social media ทำให้เรื่องที่เกิดขึ้น จะกลายเป็นกระแสโลก เพราะไทยรับเรื่องมาหมด
ใน US นักลงทุนส่วนบุคคลแห่มาลงทุนและนำตลาด ทั้งที่รายย่อยตายไปนานแล้ว
เมืองไทยก็เหมือนกัน คนที่มาลงทุนอายุน้อยลง ไม่สามารถถือหุ้นได้นาน
เขาเข้าตลาดหุ้น ต้องการความเร็ว ไม่สามารถรอได้เป็นปี
อยากรู้ว่า หุ้นตัวไหนน่าลงทุนวันพรุ่งนี้
หุ้นตัวไหนทำกัญชง ก็ลุย
หรือ หุ้นไหนที่เซียนเข้า ก็เข้าบ้าง
ตอนนี้หุ้นที่ขึ้นไม่ใช่หุ้นเล็กอย่างเดียว หุ้นขนาดใหญ่ก็เก็งกำไรได้เหมือนกัน
หุ้นขึ้นจากความเชื่อว่ามันจะดี ไม่รู้ว่าดีจริงในอีกห้าปี สิบปีหรือไม่
วีไอตัวจริงเลยพลาดไป หุ้นไม่ไปไหน ซึ่งคนธรรมดาจะทนไม่ไหวในการถือหุ้น
วีไอตัวจริง จะผ่านช่วงแบบนี้ บริษัทเหล่านี้สุดท้ายก็จะหายไป
อาจารย์มี discipline ไม่อยากจะเก็งกำไร ทั้งที่ทำได้
ในพอร์ต หุ้นที่ถือสั้นสุด คือหุ้นที่พึ่งซื้อ
หุ้นที่ยาวสุด บางตัวถือมา20ปีแล้ว จำไม่ได้ นานมาก
ส่วนใหญ่ถือไม่ต่ำกว่า5ปี
หุ้นที่ขายไป น่าจะถือมา20ปี เพราะตอนหลังรู้สึกว่าบริษัทที่ผลิตสินค้า
แต่อนาคตระยะยาวอีก5ปี จะไหวไหม ขายเพราะLong run อาจจะไม่ไหว
เพราะมีการย้ายฐานการผลิต
เช่น พานาโซนิค เป็นผู้นำ ยังต้องย้ายเลย
== น้องบิว ถามหุ้นที่อาจารย์ชอบ เคยบอกว่ามองหุ้นเป็นกุลสตรี กอดได้ ==
ดังนั้นหุ้นที่ซื้อล่าสุดเป็นอย่างไร
อาจารย์ตอบว่า ไม่เซ็กซี่เลย
วีไอคนจริงจะเป็นคนสวนกระแส Contrarian
มันมีอะไรที่ดีอยู่ เช่น ปันผลที่จ่ายได้ยาว มีความแข็งแกร่ง
หุ้นที่ไม่เอา คือหุ้นที่มี P/E 30 กว่าเท่า
ใช้หลักการวีไอแบบเดิมมาตัดสินใจลงทุน
และเน้นหุ้นที่เป็นหุ้นคุณค่ามากขึ้น เพราะราคาหุ้นอาจถูกลง
แต่บริษัทต้องไม่ตาย และแข็งแกร่งใน AREA ของคุณ
== Port การลงทุนของ ดร นิเวศน์ ตอนนี้ ==
หุ้นไทย 70-80% , เวียดนาม 17% ที่เหลือเป็นเงินสด
ส่วนหุ้นต่างประเทศอื่นๆเช่นทำ เอไอ เรายังไม่เข้าใจ หุ้นที่ดูก็ไม่รู้จัก
หรือไม่รู้ลึก เช่น FB , Google อนาคตจะเปลี่ยนแปลงได้เร็วมาก
ตามหลักการลงทุนแบบวีไอ MOS ของหุ้นเหล่านี้ไม่มีเลย
ไม่รู้ว่าใครจะชนะในอนาคต
ตั้งแต่อาจารย์เป็นนักลงทุนวีไอ จะเป็นนักเลือก ไม่ใช่นักสู้
ที่ไหนที่จะไปตาย ก็ไม่ไป ไม่เอา
หุ้นที่เลือก ต้องชนะ โดยได้ผลตอบแทน 10%ต่อปี ก็พอใจแล้ว
เงินฝากได้น้อยกว่า. ส่วนพันธบัตรก็จ่ายดอกเบี้ยต่ำ
ตอนนี้ลงทุนแบบ conservative
ตอนแรกที่มาลงทุนในปี 2540 ก็ไม่ได้หวังรวยเร็ว
แค่หวังว่าได้ปีละ10% ก็พอ ลงทุนช่วงแรกมีเงิน10ล้านบาทอย่างเดียว
ไม่มีสินทรัพย์อย่างอื่น. ไม่มีงานfreelance เหมือนสมัยนี้
ได้ผลตอบแทนเดือนละเกือบแสนบาท ก็พอใจ
ผมเป็นคนโชคดี เข้ามาตลาดไม่นาน ก็บูม และลงทุนหุ้นวีไอ
เช่น หุ้นโรงพยาบาล หุ้นค้าปลีก
ไม่ลงในหุ้นFinance กลายเป็นโอกาสในการลงทุนในธุรกิจที่ยอดเยี่ยม
วิกฤตรอบนี้ คนเข้ามาลงทุนด้วยความโลภ
แต่รอบปี40 คนที่เข้ามา เงินที่ลงทุน คิดแล้วคิดอีกก่อนลงทุน(เงินก้อนสุดท้าย)
และลงทุนหลายปีกว่าหุ้นจะบูม
ตอนนี้เมืองไทยไม่มีหุ้นเติบโตเหมือนเมืองนอกที่ Growth จริง
คนไทยแก่ตัวลง จำนวนคนก็ลดลง
หุ้นlow tech จำนวนคนน้อยลง ไม่เติบโต
แต่เงินเข้ามา ก็ไปอัดในหุ้นที่story , มี Theme ก็ทำให้ราคาไปได้
หุ้นพลังงานไม่growth คนใช้ไฟตอนนี้ไม่เติบโตแล้ว
สร้างstory และเอาเงินอัดเข้าไป หุ้นก็เลยขึ้น แต่สุดท้ายก็จะreverse
ราคาหุ้นไม่ไปจริง ที่บอกว่าgrowthเป็นแค่story ไม่ได้growthจริงก็จะขายแล้ว
คนเอาผลมาเป็นเหตุ เอาเหตุมาเป็นผล
หุ้นที่ราคาวิ่งขึ้นแรงๆ ก็จะบอกว่าเป็นหุ้นgrowth
คนที่เป็นเซียนจริงๆ รู้เรื่องหุ้นgrowthดี ก็จะเลือกหุ้นได้ถูกต้องมีfreefloatต่ำ
สรุป ไม่ใช่หุ้นgrowth จริง สุดท้ายก็จะลงมา เลยไม่อยากไปเก็งกำไรแบบนี้
== Keywordสำหรับนักลงทุนวีไอ ==
ต้องพยายามตัดสิ่งที่ชวนเชื่อให้เก็งกำไร ไม่bias ไม่ถูกconvince ไม่ตามกระแส
ต้นแบบวีไอ ของอาจารย์ มาจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์
วีไอเป็นชีวิตของเขาด้วย ขับรถเอง ทำอาหารเอง ถือเป็นความสุขในชีวิต
อาจารย์เขียนบทความบ่อยๆ การใช้ชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
การถือหุ้นยาว เป็นส่วนนึงของหลักการวีไอเท่านั้น
== Check list ของวีไอ ==
1. ซื้อหุ้นต่ำกว่าพื้นฐาน และขายหุ้นตอนราคาเกินพื้นฐาน
แต่ถ้าซื้อ ขายบ่อยๆอาจไม่ใช่หลักการ
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่ซื้อขายหุ้นบ่อย
2. การซื้อสิ่งของฟุ่มเฟือย ก็ไม่ใช่นิสัยของวีไอ
3. วีไอจริงๆ ส่วนใหญ่เป็น Contrarianในตัวหุ้น ตอนหุ้นไฮเทคขึ้นแรง ก็จะขายให้เช่น บิลเกตต์
พึ่งขายหุ้นไฮเทคจนเกือบเกลี้ยงเลย เป็นขายหุ้นแบบ contrarian
โลกการลงทุนเปลี่ยนแปลงไป แต่อาจารย์ยังยึดหลักการเดิม ในการซื้อหุ้นตัวล่าสุด
หุ้นไทยไม่ใช่ growthจริง เป็นการเล่น story มากกว่า
=============================================