แนวคิดการลงทุนที่ ทิม พิธา ได้จากการนั่งคุยกับ วอร์เรน บัฟเฟตต์ สมัยเรียน MIT - BillionMoney

ข่าวใหญ่ที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ คือผลการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกล นำโดยคุณทิม พิธา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้จำนวนที่นั่งในรัฐสภามากที่สุด
ซึ่งเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของนักวิชาการ และสังคมทั่วไปอย่างมาก
และตอนนี้คุณทิม พิธา คือตัวเต็งที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนแรกของไทยที่เรียนจบจากทั้งสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ซึ่งรู้หรือไม่ว่า ในช่วงที่คุณทิม พิธา กำลังเรียนปริญญาโท ด้านการบริหารธุรกิจ ที่ MIT อยู่นั้น ก็ได้มีโอกาสร่วมทานอาหารค่ำกับ คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับตำนานด้วย
แล้วคุณทิม พิธา ได้บทเรียนอะไรจากการนั่งคุยกับคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ ?
BillionMoney จะสรุปให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
ในช่วงที่คุณทิม พิธา ไปศึกษาต่อปริญญาโท ที่ MIT นั้น เขาได้เข้าร่วมกิจกรรมคัดเลือกนักศึกษา MIT 10 คน เพื่อไปทานอาหารมื้อค่ำกับ คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์
โดยมีเงื่อนไขว่า นักศึกษาที่สนใจจะต้องเขียนบทความว่า ทำไมถึงอยากร่วมทานมื้อค่ำกับคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ เพื่อเข้าประกวด
ด้วยความที่คุณทิม พิธา ชื่นชมและชื่นชอบ คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
คุณทิม จึงได้เขียนบทความส่งไป และก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 คนที่ได้ทานอาหารมื้อค่ำร่วมกับคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์
ร้านอาหารที่คุณทิม และเพื่อน ๆ นักศึกษา MIT ไปทานอาหารมื้อค่ำกับคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ คือร้านสเต๊กเล็ก ๆ ที่เมืองโอมาฮา ซึ่งเป็นเมืองที่คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ อาศัยอยู่
โดยคุณทิม ก็ได้นั่งทานอาหารตรงข้ามกับคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ พอดี และได้พูดคุยกันในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิต และการลงทุน โดยเราสามารถสรุปบทเรียนที่คุณทิม ได้รับเป็นข้อ ๆ ดังนี้
1. ถือหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำและมีปันผลสูง
คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นต้นแบบของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าของนักลงทุนทั่วโลก
โดยหนึ่งในวิธีการประเมินมูลค่าหุ้นที่นักลงทุนเน้นคุณค่าหลายคนใช้ก็คือ การคิดอัตราส่วน ราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น หรือ P/E Ratio โดยถ้าค่า P/E Ratio สูง ก็จะแปลว่า หุ้นแพง
โดยคุณทิม จะไม่ซื้อหุ้นที่มีราคาแพงจนเกินไป และจะต้องพิจารณาเงินปันผลที่จะได้รับจากการลงทุนด้วย
2. การเก็บเงินและวางแผนการเงินเป็นรากฐานของการลงทุน
ลักษณะนิสัยของ คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่คุณทิม ชื่นชอบคือ ความเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์
รู้หรือไม่ว่า คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ อาศัยอยู่ในบ้านที่มีราคาเพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ความร่ำรวยของเขาสามารถซื้อเกาะส่วนตัวได้เลย
แต่คุณทิม ก็สังเกตว่า คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่ได้มีความสุขจากการใช้เงินเลย เขามีความสุขจากการที่ได้ตื่นเช้ามาทำงานในทุก ๆ วัน
3. ใช้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนแบบทบต้นให้ได้มากที่สุด
คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นนักลงทุนระยะยาวคนหนึ่งที่มีความอดทนอย่างยอดเยี่ยม โดยตัวอย่างการลงทุนในระยะยาวของเขาก็คือ การถือหุ้น Coca-Cola
คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ เริ่มซื้อหุ้น Coca-Cola ครั้งแรกในปี 1987 และปัจจุบันเขาก็ยังถือหุ้นตัวนี้อยู่เหมือนเดิมเป็นระยะเวลากว่า 35 ปี
ผลตอบแทนที่ คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้จากการถือหุ้น Coca-Cola มาอย่างยาวนานคือ การเติบโตของราคาหุ้นถึง 16 เท่า และได้รับเงินปันผลรวมกันมากถึง 357,000 ล้านบาท
4. กองทุนอสังหาริมทรัพย์ เช่น REITs เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ลักษณะพิเศษของการลงทุนใน REITs คือ การได้รับเงินปันผลอย่างคงที่ และยังมีความทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจ
เพราะโดยปกติแล้ว REITs เป็นสินทรัพย์ที่มีรายได้มาจากสัญญาค่าเช่า ซึ่งมักจะมีรายได้ค่อนข้างคงที่ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ก็ตาม
หากเรามีการลงทุนในหุ้นอยู่แล้ว การกระจายการลงทุนมายัง REITs ก็จะช่วยลดความเสี่ยงให้เราได้
ทั้ง 4 ข้อนี้ ก็คือแนวคิดการลงทุนของคุณทิม พิธา ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย
แต่นอกเหนือจากหลักการใช้ชีวิต และการลงทุนที่คุณทิม ซึมซับมาได้แล้ว คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ยังได้เอ่ยถามคุณทิมด้วยว่า เมื่อเรียนจบจาก MIT ไปแล้ว จะไปทำอะไรต่อ
เมื่อคุณทิมตอบว่า จะกลับไปสานต่อธุรกิจการเกษตรของครอบครัว คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ให้ความเห็นในตอนนั้นว่า ราคาอาหารโลกจะมีการปรับตัวขึ้น ดังนั้นดินแดนตะวันออกจะกลายเป็น ดินแดนแห่งโอกาสทางธุรกิจ
และคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังได้เปรียบเปรยให้คุณทิม พิธา ฟังด้วยว่า ต่อจากนี้ ใต้แผ่นดินของพวกคุณ จะเป็นทองคำ
หรือก็คือคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ มองว่าทรัพยากรทางธรรมชาติในแผ่นดินตะวันออก หากบริหารจัดการให้ดี ก็จะสามารถเติบโตได้มาก
ดังนั้นจึงเป็นที่น่าติดตามต่อไปว่า ถ้าหากคุณทิม พิธา สามารถขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เขาจะสามารถนำทองคำใต้ผืนแผ่นดินของเรา ไปบริหารจัดการให้เติบโตได้มากขนาดไหน..
References
-https://www.thepeople.co/read/business/1770
-https://www.tradewithauntie.com/pita-met-warren-buffett/